8. อัล-อัมฟาล

1.

พวกเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับบรรดาทรัพย์สินเชลย จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าบรรดาทรัพย์สินเชลยนั้นเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ และของร่อซู้ลดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด และจงปรับปรุงความสัมพันธ์ ระหว่างพวกท่านและจงเชื่อฟังอัลลอฮ์ และร่อซู้ลของพระองค์เถิด หากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา

2.

แท้จริงบรรดาผู้ที่ศรัทธานั้น คือ ผู้ที่เมื่ออัลลอฮ์ถูกกล่าวขึ้นแล้วหัวใจของพวกเขาก็หวั่นเกรง และเมื่อบรรดาโองการของพระองค์ถูกอ่านแก่พวกเขาโองการเหล่านั้นก็เพิ่มพูนความศรัทธาแก่พวกเขาและแด่พระเจ้าของพวกเขานั้นพวกเขามอบหมายกัน

3.

คือบรรดาผู้ที่ดำรงไว้ซึ่งการละหมาดและส่วนหนึ่งที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเขาพวกเขาก็บริจาค

4.

ชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือ ผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง โดยที่พวกเขาจะได้รับหลายชั้นณพระเจ้าของพวกเขา และจะได้รับการอภัยโทษและปัจจัยยังชีพอันมากมาย

5.

เช่นเดียวกับการที่พระเจ้าของเจ้าให้เจ้าออกไปจากบ้านของเจ้า เนื่องด้วยความจริงและแท้จริงกลุ่มหนึ่งจากบรรดาผู้ศรัทธานั้นรังเกียจ

6.

พวกเขาโต้เถียงกับเจ้าในความจริง หลังจากที่มันได้ประจักษ์ขึ้นประหนึ่งว่าพวกเขาถูกต้อนไปสู่ความตายโดยที่พวกเขากำลังมองดูกันอยู่

7.

และจงรำลึกขณะที่อัลลอฮ์ได้ทรงสัญญาไว้แก่พวกเขา ซึ่งหนึ่งในสองกลุ่มว่ามันเป็นของพวกเจ้า และพวกเจ้าชอบที่จะให้กลุ่มที่ไม่มีกำลังอาวุธนั้นเป็นของพวกเจ้าแต่อัลลอฮ์ทรงต้องการให้ความจริง ประจักษ์เป็นจริงขึ้นด้วย พจนารถของพระองค์และพระองค์ทรงตัดขาดซึ่งคนสุดท้ายของผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย

8.

เพื่อพระองค์จะทรงให้สิ่งที่เป็นจริงได้ประจักษ์เป็นความจริง และให้สิ่งเท็จได้ประจักษ์เป็นสิ่งเท็จ และแม้ว่าบรรดาผู้กระทำความผิด ไม่พอใจก็ตาม

9.

จงรำลึกขณะที่พวกเจ้าขอความช่วยเหลือยามคับขันต่อพระเจ้าของพวกเจ้าแล้วพระองค์ก็ได้ทรงรับสนองแก่พวกเจ้าว่าแท้จริงข้าจะช่วยพวกเจ้าด้วยมลาอิกะฮ์หนึ่งพันตน โดยทยอยกันลงมา

10.

และอัลลอฮ์นั้นมิได้ทรงให้มันมีขึ้นนอกจากเป็นข่าวดีเท่านั้นและเพื่อว่าหัวใจของพวกเจ้าจะได้สงบขึ้นด้วยสิ่งนั้น และไม่มีการช่วยเหลือนอกจากที่มาจากที่อัลลอฮ์เท่านั้น แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพผู้ทรงปรีชาญาณ

11.

จงรำลึกขณะที่พระองค์ทรงให้มีการงีบหลับครอบงำพวกเจ้า ด้วยความปลอดภัยจากพระองค์และทรงให้น้ำลงมาแก่พวกเจ้าจากฟากฟ้าเพื่อทรงชำระพวกเจ้าด้วยน้ำนั้นและทรงให้หมดไปจากพวกเจ้าด้วยความโสมมของชัยฏอน และเพื่อที่จะทรงผูกหัวใจของพวกเจ้าและทรงให้เท้ามั่นคงด้วยน้ำนั้น

12.

จงรำลึกขณะที่พระเจ้าของพวกเจ้าประทานโองการแก่มลาอิกะฮ์ว่าแท้จริงข้านั้นร่วมอยู่กับพวกเจ้าด้วยดังนั้นพวกเจ้าจงทำให้บรรดาผู้ศรัทธามั่นคงเถิดข้าจะโยนความกลัวเข้าไปในหัวใจของบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาแล้วพวกเจ้าจงฟันลงบนก้านคอ และจงฟันทุกๆส่วนปลายของนิ้วมือ จากพวกเขา

13.

นั่นก็เพราะว่าพวกเขาฝ่าฝืนและต่อต้านอัลลอฮ์ และร่อซู้ลของพระองค์และผู้ใดฝ่าฝืนและต่อต้านอัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์แล้วแท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรุนแรงในการลงโทษ

14.

นั่นแหละ พวกเจ้าจงลิ้มรสมันเถิด และแท้จริงสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น คือการลงโทษแห่งไฟนรก

15.

บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! เมื่อพวกเจ้าพบบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเคลื่อนมาพวกเจ้าจงอย่าหันหลังหนีพวกเขา

16.

และใครที่หันหลังของเขาหนีพวกเขาในวันนั้น ยกเว้นผู้ที่เปลี่ยนที่ทำการสู้รบหรือผู้ที่ไปร่วมกับอีกกลุ่มหนึ่งเท่านั้นแน่นอนเขาย่อมนำความกริ้วโกรธจากอัลลอฮ์กลับไป และที่อยู่ของเขานั้นคือญะฮันนัมและเป็นที่กลับไปที่เลวร้าย

17.

พวกเจ้ามิได้ฆ่าพวกเขา แต่ทว่าอัลลอฮ์ต่างหากที่ทรงฆ่าพวกเขาและเจ้ามิได้ขว้างดอกขณะที่เจ้าขว้างแต่ทว่าอัลลอฮ์ต่างหากที่ขว้างและเพื่อว่าพระองค์จะทรงทดสอบบรรดาผู้ศรัทธาอย่างดีงามจากพระองค์แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงได้ยินทรงรอบรู้

18.

นั่นแหละ และแท้จริงอัลลอฮ์นั้นคือผู้ทำให้อ่อนแอซึ่งกลอุบายของผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย

19.

หากพวกเจ้าขอให้มีการชี้ขาด แน่นอนการชี้ขาดนั้นก็ได้มายังพวกเจ้าแล้วและถ้าหากพวกเจ้าหยุดยั้ง มันก็เป็นการดีแก่พวกเจ้า และหากพวกเจ้ากลับ(ทำการรุกรานอีก) เราก็จะกลับ (ช่วยเหลือให้พวกเจ้าแพ้อีก)พรรคพวกของเจ้านั้นไม่สามารถที่จะอำนวยประโยชน์อย่างใดให้แก่พวกเจ้าได้เลยและแม้ว่าพวกเขาจะมากมายก็ตามและแท้จริงอัลลอฮ์นั้น อยู่ร่วมกับผู้ศรัทธา ทั้งหลาย

20.

บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงเชื่อฟังอัลลอฮ์ และร่อซู้ลของพระองค์เถิดและจงอย่าได้ผินหลังให้แก่เขา ขณะที่พวกเจ้าฝังกันอยู่

21.

และพวกเจ้าอย่าเป็นเช่นบรรดาผู้ที่กล่าวว่า พวกเราได้ยินแล้วในขณะเดียวกับพวกเขาหาได้ยินไม่

22.

แท้จริงสัตว์ที่ชั่วร้ายยิ่ง ณ อัลลอฮ์ นั้นคือ ผู้ที่หูหนวก ที่เป็นใบ้ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่ใช้ปัญญา

23.

และหากอัลลอฮ์ทรงรู้ว่าในตัวพวกเขานั้นมีความดี แน่นอนก็จะทรงให้พวกเขาได้ยินและหากพระองค์ทรงให้พวกเขาได้ยินแล้ว แน่นอนพวกเขาก็ผินหลังให้โดยที่พวกเขาเป็นผู้ผินหลังให้อยู่แล้ว

24.

บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงตอบรับอัลลอฮ์ และร่อซู้ลเถิดเมื่อเขาได้เชิญชวนพวกเจ้าสู่สิ่งที่ทำให้พวกเจ้ามีชีวิตชีวาขึ้น และพึงรู้เถิดว่าแท้จริงอัลลอฮ์นั้นจะทรงกั้นระหว่างบุคคลกับหัวใจของเขาและแท้จริงยังพระองค์นั้นพวกเจ้าจะถูกนำกลับไปชุมนุม

25.

และพวกเจ้าจงระวังการลงโทษซึ่งมันจะไม่ประสบกับบรรดาผู้อธรรมในหมู่พวกเจ้าโดยเฉพาะเท่านั้น และพึงรู้เถิดว่าแท้จริงอัลลอฮ์นั้น เป็นผู้รุนแรงในการลงโทษ

26.

และพวกเจ้าจงรำลึก ขณะที่พวกเจ้ามีจำนวนน้อยซึ่งเป็นผู้อ่อนแอในแผ่นดินโดยที่พวกเจ้ากลัวว่าผู้คนจะโฉบเฉี่ยวพวกเจ้าไปแล้วพระองค์ได้ทรงโปรดให้พวกเจ้ามีที่พักพิงและได้ทรงสนับสนุนพวกเจ้าด้วยการช่วยเหลือของพระองค์และได้ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าจากสิ่งที่ดีๆทั้งหลายเพื่อว่าพวกเจ้าจะได้ขอบคุณ

27.

บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงอย่าทุจริตต่ออัลลอฮ์ และร่อซู้ลและจงอย่าทุจริตต่อบรรดาของฝากของพวกเจ้า โดยที่พวกเจ้ารู้กันอยู่

28.

และพึงรู้เถิดว่า แท้จริงทรัพย์สินของพวกเจ้า และลูกๆของพวกเจ้านั้นเป็นสิ่งทดสอบชนิดหนึ่งเท่านั้น และแท้จริงอัลลอฮ์นั้น ณพระองค์มีรางวัลอันใหญ่หลวง

29.

บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! หากพวกเจ้ายำเกรงอัลลอฮ์พระองค์ก็จงทรงให้มีแก่พวกเจ้าซึ่งสิ่งที่จำแนกความจริงและความเท็จและจะทรงลบล้างบรรดาความผิดของพวกเจ้าออกจากพวกเจ้าและจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเจ้าด้วยและอัลลอฮ์นั้นคือผู้ทรงมีบุญคุณอันใหญ่หลวง

30.

และจงรำลึกขณะที่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาวางอุบายต่อเจ้า เพื่อกักขังเจ้าหรือฆ่าเจ้าหรือขับไล่เจ้าออกไป และพวกเขาวางอุบายกันและอัลลอฮ์ก็ทรงวางอุบายและอัลลอฮ์นั้นทรงเป็นผู้เยี่ยมกว่าในหมู่ผู้วางอุบาย

31.

และเมื่อบรรดาโองการของเราถูกอ่านให้แก่พวกเขาฟัง พวกเขาก็กล่าวว่าเราได้ยินแล้วหากเราประสงค์ แน่นอนเราก็พูดเช่นนี้แล้ว สิ่งนี้ใช่อื่นใดไม่นอกจากถ้อยคำที่ถูกขีดเขียนไว้ของคนก่อนๆเท่านั้น

32.

จงรำลึกขณะที่พวกเขากล่าวว่า ข้าแต่อัลลอฮ์ หากปรากฏว่าสิ่งนี้คือความจริงที่มาจากที่พระองค์แล้วไซร์ก็โปรดได้ทรงให้หินจากฟากฟ้าตกลงมาดังฝนแก่พวกเราด้วยเถิดหรือไม่ก็โปรดทรงนำมาแก่เรา ซึ่งการลงโทษอันเจ็บแสบ

33.

และพระองค์อัลลอฮ์จะไม่ทรงลงโทษพวกเขา ขณะที่เจ้าอยู่ในพวกเขาและอัลลอฮ์จะไม่เป็นผู้ทรงลงโทษพวกเขา ทั้งๆที่พวกเขาขออภัยโทษกัน

34.

และมีอะไรแก่พวกเขากระนั้นหรือ ที่อัลลอฮ์จะไม่ทรงลงโทษพวกเขาทั้งๆที่พวกเขาขัดขวางมิให้เข้ามัศยิดิลหะรอมและพวกเขาก็มิใช้ผู้ปกครองมัศยิดนั้นด้วย บรรดาผู้ปกครองมัศยิดนั้นใช่ใครอื่นไม่นอกจากบรรดาผู้ยำเกรงเท่านั้น แต่มว่าส่วนมากของพวกเขาไม่รู้

35.

มิปรากฏว่า การละหมาดของพวกเขาณ บ้านของอัลลอฮ์นั้นเป็นอย่างอื่นนอกจากการเป่าเสียงหวีด และการตบมือเท่านั้น ดังนั้นพวกเจ้า จงลิ้มการลงโทษเถิดเนื่องด้วยการที่พวกเจ้าปฏิเสธศรัทธา

36.

แท้จริงบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธานั้นพวกเขาจะบริจาคทรัพย์สินของพวกเขา เพื่อขัดขวาง(ผู้คน) ให้ออกจากทางของอัลลอฮ์แล้วพวกเขาก็จะบริจาคมันต่อไปภายหลังทรัพย์สินนั้นก็จะกลายเป็นความเสียใจแก่พวกเขาแล้วพวกเขาก็จะได้รับความปราชัยด้วยและบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธานั้นพวกเขาจะถูกต้อนไปสู่นรกญะฮันนัม

37.

เพื่อที่อัลลอฮ์จะทรงแยกคนเลวออกจากคนดี และจะทรงให้คนเลว ซึ่งบางส่วนของพวกเขาอยู่บนอีกบางส่วน โดยทรงสุมพวกเขาทั้งหมดไว้เป็นกองแล้วพระองค์จะทรงให้พวกเขาอยู่ในนรกญะฮันนัม ชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือผู้ที่ขาดทุน

38.

จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) แก่บรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาว่า หากพวกเขาหยุดยั้งสิ่งที่แล้วมาก็จะถูกอภัยให้แก่พวกเขา และหากพวกเขากลับ (ต่อต้าน) อีก แท้จริงนั้นแนวทางของคนก่อนๆนั้นได้ผ่านมาแล้ว

39.

แล้วพวกเจ้าจงสู้รบกับพวกเขา จนกว่าจะไม่มีการปฏิเสธศรัทธาใดๆปรากฏขึ้นและการอิบาดะฮ์ทุกชนิดนั้นจะต้องเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์เท่านั้น ถ้าหากพวกเขาหยุดยั้งแน่นอนอัลลอฮ์นั้นทรงเห็นในสิ่งที่พวกเขากระทำ

40.

และหากพวกเขาผินหลังให้ ก็พึงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นคือผู้ทรงคุ้มครองพวกเจ้าผู้ทรงคุ้มครองที่ดีเลิศ และผู้ทรงช่วยเหลือที่ดีเยี่ยม

41.

และพึงรู้เถิดว่า แท้จริงสิ่งใดที่พวกเจ้าได้มาจากการทำศึกนั้นแน่นอนหนึ่งในห้าของมันเป็นของอัลลอฮ์ และเป็นของร่อซู้ล และเป็นของญาติที่ใกล้ชิดและบรรดาเด็กกำพร้า และบรรดาผู้ขัดสน และผู้เดินทางหากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮ์และสิ่งที่เราได้ให้ลงมาแก่บ่าวของเราในวันแห่งการจำแนกระหว่างการศรัทธาและการปฏิเสธ คือวันที่สองฝ่ายเผชิญกันและอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง

42.

จงรำลึกขณะที่พวกเจ้าอยู่ในด้านหุบเขาที่กว้างกว่าและพวกเขาอยู่ด้านหุบเขาที่ไกลกว่าและกองคาราวานนั้นอยู่ต่ำกว่าพวกเจ้าและถ้าหากพวกเจ้าต่างได้สัญญากัน แน่นอนพวกเจ้าก็ย่อมขัดแย้งกันแล้วในสัญญานั้นแต่ทว่าเพื่อที่อัลลอฮ์จะได้ทรงให้งานหนึ่ง เสร็จสิ้นไปซึ่งงานนั้นได้ถูกกระทำไว้แล้ว เพื่อว่าผู้พินาศจะได้พินาศลงโดยหลักฐานอันชัดแจ้งและผู้มีชีวิตอยู่จะได้มีชีวิตอยู่โดยหลักฐานอันชัดแจ้งและแท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้

43.

จงรำลึกขณะที่อัลลอฮ์ทรงให้เจ้าเห็นพวกเขามีจำนวนน้อยกว่าในความฝันของเจ้าและหากว่าพระองค์ทรงให้เจ้าเห็นพวกเขามีจำนวนมากแล้วไซร์แน่นอนพวกเขาก็ย่อมย่อท้อกันและขัดแย้งกันในกิจการนั้นแต่ทว่าอัลลอฮ์ได้ทรงให้ปลอดภัยขึ้น แท้จริงพระองค์นั้นคือผู้ทรงรอบรู้สิ่งซึ่งอยู่ในทรอวงอก

44.

และจงรำลึกขณะที่พระองค์ทรงให้พวกเจ้าเห็นพวกเขามีจำนวนน้อยในสายตาของพวกเจ้าขณะที่พวกเจ้าได้เผชิญหน้ากันและทรงให้พวกเจ้ามีจำนวนน้อยในสายตาของพวกเขาเพื่อที่อัลลอฮ์จะได้ทรงให้งานหนึ่งเสร็จสิ้นไปซึ่งงานนั้นได้ถูกกระทำไว้แล้วและยังอัลลอฮ์นั้น กิจการทั้งหลายจะถูกนำกลับไป

45.

บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! เมื่อพวกเจ้าพบกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ก็จงยืนหยัดเถิดและจงรำลึกถึงอัลลอฮ์มากๆ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ

46.

และจงเชื่อฟังอัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์เถิด และจงอย่าขัดแย้งกันจะทำให้พวกเจ้าย่อท้อ และทำให้ความเข้มแข็งของพวกเจ้าหมดไป และจงอดทนเถิดแท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงอยู่กับผู้ที่อดทนทั้งหลาย

47.

และจงอย่าเป็นเช่นบรรดาผู้ที่ออกจากหมู่บ้านของพวกเขาไป ด้วยความหยิ่งผยองและโอ้อวดผู้คน และขัดขวางให้เขวออกจากทางของอัลลอฮ์และอัลลอฮ์นั้นทรงล้อมสิ่งที่พวกเขากระทำกันอยู่

48.

และจงรำลึกในขณะที่ชัยฏอนได้ทำให้สวยงามแก่พวกเขา ซึ่งการงานของพวกเขาและมันได้กล่าวว่า วันนี้ไม่มีผู้ใดในหมู่มนุษย์ชนะพวกท่านได้และแท้จริงนั้นฉันคือผู้ช่วยเหลือพวกท่านครั้นเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างมองเห็นกันแล้วมันก็กลับส้นเท้าทั้งสองของมัน และกล่าวว่าแท้จริงฉันไม่เกี่ยวข้องกับพวกท่านแท้จริงฉันกำลังเห็นสิ่งที่พวกท่านไม่เห็น แท้จริงฉันกลัวอัลลอฮ์และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรุนแรงในการลงโทษ

49.

จงรำลึกขณะที่บรรดามุนาฟิก และบรรดาผู้ที่ในหัวใจของพวกเขามีโรคกล่าวว่า ที่ได้ลวงผู้คนเหล่านี้นั้นคือศาสนาของพวกเขา และผู้ใดมอบหมายแด่อัลลอฮ์แท้จริงอัลลอฮ์นั้นคือผู้ทรงเดชานุภาพผู้ทรงปรีชาญาณ

50.

และหากว่าเจ้าเห็นขณะที่มลาอิกะฮ์เอาวิญญาณของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาอยู่นั้นพวกเขาจะตีใบหน้าของพวกเขาและหลังของพวกเขา และ (กล่าวว่า) พวกเจ้าจงลิ้มการลงโทษแห่งการเผาไหม้เถิด

51.

นั่นก็เนื่องจากสิ่งที่มือของพวกท่านได้ประกอบไว้ก่อนและแท้จริงอัลลอฮ์นั้นมิใช่ผู้อธรรมแก่บ่าวทั้งหลาย

52.

เช่นเดียวกับสภาพแห่งวงศ์วานของฟิร์อาวน์ และบรรดาผู้ที่ก่อนหน้าพวกเขาซึ่งพวกเขาปฏิเสธศรัทธาต่อบรรดาโองการของอัลลอฮ์แล้วอัลลอฮ์ก็ได้ทรงลงโทษพวกเขาเนื่องด้วยบรรดาความผิดของพวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงพลังและผู้ทรงรุนแรงในการลงโทษ

53.

นั่นก็เพราะว่าอัลลอฮ์มิได้ทรงเป็นผู้เปลี่ยนแปลงความกรุณาใดๆที่พระองค์ทรงประทานมันแก่กลุ่มชนหนึ่งกลุ่มชนใดจนกว่าพวกเขาจะได้เปลี่ยนแปลงสิ่งที่อยู่ในตัวของพวกเขาเองและแท้จริงนั้นอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้

54.

เช่นเดียวกับสภาพแห่งวงศ์วานฟิร์อาวน์และบรรดาผู้ก่อนหน้าพวกเขาซึ่งพวกเขาปฏิเสธบรรดาโองการแห่งพระเจ้าของพวกเขา แล้วเราก็ได้ทำลายพวกเขาเนื่องด้วยความผิดของพวกเขา และเราได้ให้วงศ์วานฟิร์อาวน์จมน้ำตายและทั้งหมดนั้นพวกเขาเป็นผู้อธรรม

55.

แท้จริงสัตว์โลกที่ชั่วร้ายยิ่ง ณ อัลลอฮ์นั่นคือบรรดาผู้ที่เนรคุณดังนั้นพวกเขาจึงไม่ศรัทธา

56.

คือบรรดาผู้ที่เจ้าได้ทำสัญญาไว้กับในหมู่พวกเขาและพวกเขาก็ทำลายสัญญาของพวกเขาในทุกครั้ง โดยที่พวกเขาหาเกรงไม่

57.

ถ้าหากเจ้าจับพวกเขาไว้ในการรบก็จงขับไล่ผู้ที่อยู่ข้างหลังพวกเขาด้วยการลงโทษพวกเขา (ให้เป็นเยี่ยงอย่าง) เพื่อว่าพวกเขาจะได้สำนึก

58.

และถ้าหากเจ้าเกรงว่าจะมีการทุจริตจากพวกหนึ่งพวกใด ก็จงโอน (สัญญา)กลับคืนแก่พวกเขาไปโดยตั้งอยู่บนความเท่าเทียมกันแท้จริงอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงชอบบรรดาผู้ที่ทุจริต

59.

และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นจงอย่าได้คิดเป็นอันขาดว่าพวกเขาได้หนีพ้นไปแล้วแท้จริงพวกเขาไม่ทำให้อัลลอฮ์หมดความสามารถได้

60.

และพวกเจ้าจงเตรียมไว้สำหรับ (ป้องกัน) พวกเขา สิ่งที่พวกเจ้าสามารถอันได้แก่กำลังอย่างหนึ่งอย่างใด และการผูกม้าไว้โดยที่พวกเจ้าทำให้ศัตรูของอัลลอฮ์ และศัตรูของพวกเจ้าหวั่นเกรงด้วยสิ่งนั้นและพวกอื่นๆอีก อื่นจากพวกเขา ซึ่งพวกเจ้ายังไม่รู้จักพวกเขาอัลลอฮ์ทรงรู้จักพวกเขาดีและสิ่งที่พวกเจ้าบริจาคในทางของอัลลอฮ์นั้นไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ตามสิ่งนั้นจะถูกตอบแทนแก่เจ้าโดยครบถ้วนโดยที่พวกเจ้าจะไม่ถูกอธรรม

61.

และหากพวกเจ้าโอนอ่อนมาเพื่อการประนีประนอมแล้ว เจ้าก็จงโอนอ่อนตามเพื่อการนั้นด้วยและจงมอบหมายแต่อัลลอฮ์เถิดแท้จริงนั้นพระองค์คือผู้ทรงได้ยินทรงรอบรู้

62.

และถ้าหากพวกเขาต้องการที่จะหลอกลวงเจ้าก็แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นที่พอเพียงแก่เจ้าแล้วพระองค์คือผู้ที่ได้ทรงสนับสนุนเจ้าด้วยการช่วยเหลือของพระองค์และด้วยผู้ศรัทธาทั้งหลาย

63.

และได้ทรงให้สนิทสนมระหว่างหัวใจของพวกเขาหากเจ้าได้จ่ายสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินทั้งหมดเจ้าก็ไม่สามารถให้สนิทสนมระหว่างหัวใจของพวกเขาได้ แต่ทว่าอัลลอฮ์นั้นได้ทรงให้สนิทสนมระหว่างพวกเขาและแท้จริงพระองค์นั้นคือผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ

64.

โอ้ นบี! อัลลอฮ์นั้นเป็นที่พอเพียงแก่เจ้า และแก่ผู้ปฏิบัติตามเจ้าด้วยอันได้แก่ผู้ศรัทธาทั้งหลาย

65.

โอ้ นบี! จงปลุกใจผู้ศรัทธาทั้งหลายในการสู้รบเถิดหากปรากฏว่าในหมู่พวกเจ้ามียี่สิบคนที่อดทน ก็จะชนะสองร้อยคนและหากปรากฏว่าในหมู่พวกเจ้ามีร้อยคนก็จะชนะพันคนในหมู่ผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาเพราะพวกเขาเป็นพวกที่ไม่เข้าใจ

66.

บัดนี้อัลลอฮ์ได้ทรงผ่อนผันแก่พวกเจ้าแล้ว และทรงรู้ว่าแท้จริงในหมู่พวกเจ้านั้นมีความอ่อนแอดังนั้นหากในหมู่พวกเจ้ามีร้อยคนที่อดทนก็จะชนะสองร้อยคนและหากในหมู่พวกเจ้ามีสองพันคนก็จะชนะสองพันคน ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์และอัลลอฮ์นั้นทรงอยู่ร่วมกับผู้อดทนทั้งหลาย

67.

ไม่บังควรแก่นบีคนใดที่เขาจะมีเชลยศึกไว้จนกว่าเขาจะได้ประหัตประหารอย่างมากมายเสียก่อนในแผ่นดินพวกเจ้าต้องการสิ่งเล็กน้อย แห่งโลกนี้แต่อัลลอฮ์ทรงต้องการปรโลกและอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพผู้ทรงปรีชาญาณ

68.

หากว่าไม่มีพระกำหนด จากอัลลอฮ์ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้วแน่นอนการลงโทษอันมหันต์ก็ประสบกับพวกเจ้าแล้ว เนื่องในสิ่งที่พวกเจ้าเอา

69.

ดังนั้นพวกเจ้าจงบริโภคสิ่งอนุมัติที่ดี จากสิ่งที่พวกเจ้าได้มาจากการทำศึกและพึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด แท้จริงอัลลอฮ์นั้นคือผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเอ็นดูเมตตา

70.

โอ้ นบี! จงกล่าวแก่ผู้ที่อยู่ในมือของพวกเจ้า จากบรรดาผู้ที่เป็นเชลยศึกเถิดว่าหากอัลลอฮ์ทรงรู้ว่ามีความดีใดๆ ในหัวใจของพวกท่านแล้วพระองค์ก็จะทรงประทานให้แก่พวกท่านซึ่งสิ่งที่ดียิ่งกว่าสิ่งที่ถูกเอามาจากพวกท่านและจะทรงอภัยโทษแก่พวกท่านด้วยและอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษเป็นผู้ทรงเอ็นดูเมตตา

71.

และถ้าหากพวกเขาต้องการทุจริตต่อเจ้าก็แท้จริงนั้นพวกเขาได้ทุจริตต่ออัลลอฮ์มาก่อนแล้วแล้วพระองค์ก็ทรงให้สามารถชนะพวกเขาได้ และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ

72.

แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา และอพยพและต่อสู้ทั้งด้วยทรัพย์สมบัติของพวกเขาและชีวิตของพวกเขาในทางของอัลลอฮ์ และบรรดาผู้ที่ให้ที่พักอาศัย และช่วยเหลือนั้นชนเหล่านี้แหละคือบางส่วนของพวกเขาย่อมเป็นผู้ช่วยเหลืออีกบางส่วนและบรรดาผู้ที่ศรัทธาและมิได้อพยพนั้นก็ไม่เป็นหน้าที่แก่พวกเจ้าแต่อย่างใดในการช่วยเหลือพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะอพยพและถ้าหากพวกเขาขอให้เจ้าช่วยเหลือในเรื่องศาสนาก็จำเป็นแก่พวกเจ้าในการช่วยเหลือนั้นนอกจากในการต่อต้านพวกที่ระหว่างพวกเจ้ากับพวกเขามีสัญญากันอยู่และอัลลอฮ์นั้นทรงเห็นในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน

73.

และบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธานั้นบางส่วนของพวกเขาย่อมเป็นผู้ช่วยเหลืออีกบางส่วนหากพวกเขาไม่ปฏิบัติในสิ่งนั้นแล้วความวุ่นวายและความเสียหายอันใหญ่หลวงก็จะเกิดขึ้นในแผ่นดิน

74.

และบรรดาผู้ที่ศรัทธา และอพยพ และต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ์และบรรดาผู้ที่ให้ที่พักอาศัย และความช่วยเหลือนั้น ชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือผู้ศรัทธาโดยแท้จริง ซึ่งพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษและเครื่องยังชีพอันมากมาย

75.

และบรรดาผู้ที่ได้ศรัทธาที่หลัง และได้อพยพ และต่อสู้ร่วมกับพวกเจ้านั้นชนเหล่านี้แหละเป็นส่วนหนึ่งของพวกเจ้า และบรรดาญาตินั้นบางส่วนของพวกเขาเป็นส่วนที่สมควรต่ออีกบางส่วน ในคัมภีร์ของอัลลอฮ์แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง