1. |
|
2. |
หากพวกเขามีสถานะดีกว่าพวกเจ้า พวกเขาก็จะแสดงตัวเป็นศัตรูกับพวกเจ้าและจะยื่นมือของพวกเขาไปยังพวกเจ้า (ทำร้าย) และลิ้นของพวกเขาจะกล่าวร้ายสาปแช่งและพวกเขาใคร่ที่จะให้พวกเจ้าเป็นพวกปฏิเสธศรัทธา |
3. |
ความสัมพันธ์ทางเครือญาติของพวกเจ้าและลูกหลานของพวกเจ้าจะไม่อำนวยประโยชน์อันใดแก่พวกเจ้าในวันกิยามะฮ์พระองค์จะทรงตัดสินระหว่างพวกเจ้าและอัลลอฮ์ทรงสอดส่องในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ |
4. |
แน่นอนได้มีแบบอย่างอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้วใน (ตัว) อิบรอฮีม และบรรดา (มุอฺมิน)ผู้ที่อยู่ร่วมกับเขา เมื่อพวกเขากล่าวแก่หมู่ชนของพวกเขาว่าแท้จริงพวกเราขอปลีกตัวจากพวกท่านและสิ่งที่พวกท่านเคารพบูชาอื่นจากอัลลอฮ์เราขอปฏิเสธศรัทธาต่อ (ศาสนาของ) พวกท่านและการเป็นศัตรูและการเกลียดชังระหว่างพวกเรากับพวกท่านได้ปรากฏขึ้นแล้ว(และจะคงอยู่) ตลอดไป จนกว่าพวกท่านจะศรัทธาต่ออัลลอฮ์องค์เดียวนอกจากคำกล่าวของอิบรอฮีมแก่บิดาของเขา (ที่ว่า) แน่นอนฉันจะขออภัยโทษให้แก่ท่านทั้ง ๆ ที่ฉันไม่มีอำนาจอันใดจะช่วยท่าน (ให้พ้นจากการลงโทษ) จากอัลลอฮ์ได้ข้าแต่พระเจ้าของเรา แด่พระองค์ท่านเราขอมอบหมายและยังพระองค์ท่านเท่านั้นเราขอลุแก่โทษ และยังพระองค์ท่านเท่านั้นคือการกลับไป |
5. |
ข้าแต่พระเจ้าของเรา ขอพระองค์ทรงอย่าให้เราเป็นที่ทดสอบของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาขอพระองค์ทรงโปรดอภัยให้แก่เรา ข้าแต่พระเจ้าของเราแท้จริงพระองค์ท่านเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ |
6. |
โดยแน่นอน ได้มีแบบอย่างอันดีงามในพวกเขาสำหรับพวกเจ้าแล้ว แก่ผู้ที่หวังใน(การตอบแทนของ) อัลลอฮ์และวันสุดท้าย และผู้ใดผินหลังให้ (การศรัทธา) ดังนั้นแท้จริงอัลลอฮ์คือ ผู้ทรงพอเพียง ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ |
7. |
บางทีอัลลอฮ์จะทรงทำให้เกิดความรักใคร่ระหว่างพวกเจ้ากับบรรดาผู้ที่พวกเจ้าถือเป็นศัตรูในหมู่พวกเขาและอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอานุภาพ และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ |
8. |
อัลลอฮ์มิได้ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่มิได้ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนาและพวกเขามิได้ขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้าในการที่พวกเจ้าจะทำความดีแก่พวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขาแท้จริงอัลลอฮ์ทรงรักผู้มีความยุติธรรม |
9. |
แต่ว่าอัลลอฮ์ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนาและขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้าและช่วยเหลือให้ขับไล่พวกเจ้าในการที่พวกเจ้าจะผูกมิตรกับพวกเขาและผู้ใดผูกมิตรกับพวกเขา ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้อธรรม |
10. |
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เมื่อบรรดาหญิงผู้ศรัทธาเป็นผู้ลี้ภัยมาหาพวกเจ้าก็จงสอบสวนพวกนาง อัลลอฮ์ทรงรู้ดียิ่งในการศรัทธาของพวกนางครั้นเมื่อพวกเจ้ารู้ว่าพวกนางเป็นผู้ศรัทธาก็อย่าได้ส่งพวกนางกลับไปยังพวกปฏิเสธศรัทธา พวกนางมิได้เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขาและพวกเขาก็มิได้เป็นที่อนุมัติแก่พวกนาง และจงจ่ายคือให้พวกเขา(สามีเดิมที่เป็นกาเฟร) สิ่งที่พวกเขาได้จ่ายไป (มะฮัร)และไม่เป็นบาปอันใดแก่พวกเจ้าที่จะแต่งงานกับพวกนางเมื่อพวกเจ้าได้ให้แก่พวกนางซึ่งของหมั้นของพวกนางและอย่าหน่วงเหนี่ยวพันธะการแต่งงานของบรรดาหญิงผู้ปฏิเสธศรัทธาและจงขอคืนสิ่งที่พวกเจ้าได้ใช้จ่ายไป และให้พวกเขาขอคืนสิ่งที่พวกเขาได้ใช้จ่ายไปนั่นคือข้อตัดสินของอัลลอฮ์ พระองค์ทรงตัดสินในระหว่างพวกเจ้าและอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ |
11. |
และถ้าคนใดในบรรดาภริยาของพวกเจ้าหนีไปสู่พวกปฏิเสธศรัทธาแล้วครั้นเมื่อพวกเจ้าสามารถแก้แค้นริบทรัพย์มาได้ก็จงจ่ายคืนให้แก่บรรดาผู้ที่บรรดาภริยาของพวกเขาหนีไปเท่ากับจำนวนที่พวกเขาได้จ่ายไปและจงยำเกรงอัลลอฮ์ ผู้ซึ่งพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธาต่อพระองค์เถิด |
12. |
โอ้นบีเอ๋ย เมื่อบรรดาหญิงผู้ศรัทธาได้มาหาเจ้าโดยพวกนางให้ปฏิญาณแก่เจ้าว่าพวกนางจะไม่ตั้งภาคีใด ๆ ต่ออัลลอฮ์ และจะไม่ขโมยและจะไม่ทำชู้ และจะไม่ฆ่าลูก ๆ ของพวกนางและจะไม่นำมาซึ่งการใส่ร้ายโดยการเสกสรรลูกหลงพ่อให้เป็นลูกของเขาและจะไม่ขัดขืนคำสั่งของเจ้าในเรื่องดีงาม ดังนั้น จงรับการปฏิญาณของพวกนางและจงขอต่ออัลลอฮ์ให้ทรงอภัยแก่พวกนาง แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ |
13. |
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ยพวกเจ้าอย่าได้คบกับหมู่ชนที่อัลลอฮ์ทรงกริ้วต่อพวกเขาไว้เป็นมิตรสหายแน่นอนพวกเขาหมดหวังต่อวันปรโลกแล้ว เสมือนกับที่พวกปฏิเสธศรัทธาหมดหวังต่อ(การฟื้นคืนชีพของ) ชาวกุบูร |