1.

ฮา มีม

2.

คัมภีร์นี้เป็นการประทานลงมาจากอัลลอฮ์ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้

3.

ผู้ทรงอภัยในบาป และผู้ทรงรับการขอลุแก่โทษ ผู้ทรงเข้มงวดในการลงโทษผู้ทรงเต็มเปี่ยมไปด้วยความโปรดปราน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ยังพระองค์คือการกลับไป

4.

ไม่มีผู้ใดจะโต้เถียงในอายาตของอัลลอฮ์ (อัลกุรอาน) นอกจากบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาดังนั้นอย่าให้การวางมาดของพวกเขาในหัวเมืองต่าง ๆ เป็นที่หลอกลวงแก่เจ้า

5.

(เพราะ) ก่อนหน้าพวกเขานั้น หมู่ชนของนูห์ และพลพรรคต่าง ๆหลังจากพวกเขาได้ปฏิเสธมาก่อนแล้ว และทุก ๆประชาชาติได้ตั้งใจที่จะทำลายล้างร่อซู้ลของพวกเขาและโต้เถียงด้วยความเท็จเพื่อที่จะลบล้างความจริ งให้สูญสิ้นไปดังนั้นข้าจึงได้ลงโทษพวกเขาแล้วเป็นอย่างไรบ้างการลงโทษของข้า

6.

และเช่นนั้นแหละประกาศิตแห่งพระเจ้าของเจ้าได้เป็นที่สมจริงแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาว่าพวกเขาเป็นชาวนรก

7.

บรรดาผู้แบกบัลลังก์ และผู้ที่อยู่รอบ ๆ บัลลังก์ต่างก็แซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของพวกเขา และศรัทธาต่อพระองค์และอภัยโทษให้แก่บรรดาผู้ศรัทธา ข้าแต่พระเจ้าของเราพระองค์ท่านทรงแผ่ความเมตตาและความรอบรู้ไปทั่วทุกสิ่งขอพระองค์ทรงโปรดอภัยแก่บรรดาผู้ลุแก่โทษ และดำเนินตามแนวทางของพระองค์ท่านและทรงคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษแห่งไพนรก

8.

ข้าแต่พระเจ้าของเรา และขอพระองค์ทรงให้พวกเขาได้เข้าในสวนสวรรค์หลากหลายอันสถาพรซึ่งพระองค์ได้ทรงสัญญาแก่พวกเขาพร้อมทั้งผู้กระทำความดีจากบรรพบุรุษของพวกเขาและคู่ครองของพวกเขาและลูกหลานของพวกเขา แท้จริงพระองค์ท่านนั้นเป็นผู้ทรงมีอำนาจผู้ทรงปรีชาญาณ

9.

และขอพระองค์ทรงคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากความชั่วทั้งหลายและผู้ใดที่พระองค์ทรงคุ้มครองให้พ้นจากความชั่วทั้งหลายในวันนั้นดังนั้นแน่นอนพระองค์ท่านทรงเมตตาแก่เขาและนั่นคือมันเป็นความสำร็จอันใหญ่หลวง

10.

แท้จริงบรรดาผู้ปฎิเสธศรัทธานั้นจะมีเสียงตะโกนบอกว่าการเกลียดชังของอัลลอฮ์นั้นยิ่งใหญ่กว่าการเกลียดชังของพวกเจ้าต่อตัวของพวกเจ้าเองเมื่อพวกเจ้าถูกเรียกร้องสู่การศรัทธา แล้วพวกเจ้าก็ได้ปฏิเสธศรัทธา

11.

พวกเขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเรา พระองค์ท่านได้ทรงทำให้เราตายสองครั้งและพระองค์ท่านได้ทรงทำให้เรามีชีวิตสองครั้งดังนั้นเราขอสารภาพต่อความผิดทั้งหลายของเราดังนั้นจะมีทางออก (แก่เรา) ไหม?

12.

นั่นก็เพราะว่า แท้จริงเมืออัลลอฮ์พระองค์เดียวถูกกล่าวขึ้น พวกเจ้าก็ปฎิเสธศรัทธาและเมื่อหากให้มีการตั้งภาคีกับพระองค์พวกเจ้าก็ศรัทธา ดังนั้นการตัดสินชี้ขาดเป็นสิทธิของอัลลอฮ์ ผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรางยิ่งใหญ่

13.

และจะไม่มีใครใคร่ครวญนอกจากผู้ สำนึกตัว

14.

ดังนั้นจงวิงวอนขอต่ออัลลอฮ์ โดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาต่อพระองค์แม้ว่าพวกปฎิเสธศรัทธาจะเกลียดชังก็ตาม

15.

ผู้ทรงตำแหน่งอันสูงเจ้าแห่งบัลลังก์ทรงส่งวะฮีย์ยฺตามพระบัญชาของพระองค์แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากปวงบ่าวของพระองค์เพื่อเตือนให้รำลึกถึงวันแห่งการพบปะร่วมกัน(วันกิยามะฮ์)

16.

วันที่พวกเขาจะปรากฎตัวออกมา ไม่มีสิ่งใดของพวกเขาจะซ่อนเร้นไปจากอัลลอฮ์อำนาจในวันนี้เป็นของผู้ใดเล่า ? แน่นอนมันเป็นของอัลลอฮ์ผู้ทรงเอกะผู้ทรงพิชิตโดยเด็ดขาด

17.

วันนี้ทุกชีวิตจะได้รับการตอบแทนตามที่มันได้กระทำไว้ไม่มีการอธรรมในวันนี้แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงฉับพลันในการสอบสวน

18.

และจงเตือนพวกเขาให้ทราบถึงวันที่ใกล้เข้ามา (วันกิยามะฮ์)เมื่อหัวใจเข้ามาติดอยู่ที่ลำคอด้วยความอดกลั้นไม่มีมิตรที่สนิทสนมสำหรับบรรดาผู้อธรรม และไม่มีผู้ช่วยเหลือคนใดที่จะถูกเชื่อฟัง

19.

พระองค์ทรงรอบรู้การทรยศของดวงตา และสิ่งที่ทรวงอกปกปิดอยู่

20.

และ อัลลอฮ์ทรงตัดสินด้วยความยุติธรรม และบรรดาผู้ที่วิงวอนขออื่นจากพระองค์นั้นพวกมันไม่อาจจะตัดสินใด ๆ ได้ แท้จริงอัลลอฮ์ พระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น

21.

พวกเขามิได้ท่องเที่ยวไปตามแผ่นดินดอกหรือ ?แล้วพิจารณาดูว่าบั้นปลายของประชาชาติในยุคก่อนหน้าพวกเขาเป็นเช่นใดเขาเหล่านั้นมีพลังที่เข้มแข็งกว่าพวกเขา และได้ทิ้งร่องรอยไว้มากมาย แล้วอัลลอฮ์ก็ได้ทรงลงโทษพวกเขาด้วยความผิดของพวกเขาและไม่มีผู้ใดจะช่วยปกป้องพวกเขาให้พ้นจากอัลลอฮ์ได้

22.

นั่นก็เพราะว่าเมื่อบรรดาร่อซู้ลของพวกเขาได้มายังพวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อมด้วยหลักฐานต่างๆ อันชัดแจ้งพวกเขาก็ได้ปฏิเสธศรัทธา ดังนั้นอัลลอฮ์จึงทรงลงโทษพวกเขาแท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงรุนแรงในการลงโทษ

23.

และโดยไม่แน่นอน เราได้ส่งมูซามาพร้อมด้วยสัญญาณต่าง ๆ ของเราและหลักฐานอันชัดแจ้ง

24.

ไปยังฟิรเอาน์และฮามาน และกอรูน แล้วพวกเขาก็กล่าวว่า (มูซาเป็น)มายากรนักโกหกตัวฉกาจ

25.

ครั้นเมื่อมูซาได้มายังพวกเขาด้วยสัจธรรมจากเรา พวกเขากล่าวว่าจงฆ่าลูกชายของบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับเขา และไว้ชีวิตผู้หญิงของพวกเขาแต่แผนการณ์ของพวกปฏิเสธศรัทธานั้นมิใช่อื่นใด นอกจากการผิดพลาด

26.

และฟิรเอาน์กล่าวว่า จงปล่อยฉัน ฉันจะฆ่ามูซา และให้เขาวิงวอนขอพระเจ้าของเขาแท้จริงฉันเกรงว่าเขาจะมาเปลี่ยนศาสนาของพวกท่านหรือจะก่อการร้ายให้เกิดขึ้นในแผ่นดิน

27.

และ มูซากล่าวว่า แท้จริงฉันของความคุ้มครองต่อพระเจ้าของฉันและพระเจ้าของพวกท่านให้พ้นจากผู้หยิ่งผยองทุกคนที่ไม่ศรัทธาต่อวันแห่งการชำระบัญชี

28.

และชายผู้ศรัทธาคนหนึ่งจากพวกพ้องของฟิรเอาน์ซึ่งปกปิดการศรัทธาของเขากล่าวว่าพวกท่านจะฆ่าชายคนหนึ่ง ที่เขากล่าวว่าพระเจ้าของฉันคืออัลลอฮ์กระนั้นหรือ ? และแน่นอนเยาได้นำหลักฐานทั้งหลายอันชัดแจ้งมาจากพระเจ้าของพวกท่านมายังพวกท่าน และหากว่าเขาเป็นคนโกหกการโกหกของเขาก็อยู่บนเขาเอง และหากว่าเขาเป็นคนพูดจริงส่วนหนึ่งจากที่เขาได้สัญญาไว้กับพวกท่านก็จะประสบแก่พวกท่านแท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ชี้แนะทางแก่ผู้ที่เขาเป็นผู้ละเมิดนักโกหกตัวฉกาจ

29.

โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย! วันนี้อำนาจการปกครองเป็นของพวกท่านเป็นผู้อยู่เบื้องบนในแผ่นดิน (อียิปต์)แล้วใครเล่าจะช่วยเหลือเราจากการลงโทษของอัลลอฮ์ หากมันได้เกิดขึ้นแก่เราฟิรเอาน์กล่าวว่า ฉันมิได้ชี้นำพวกท่านเว้นแต่สิ่งที่ฉันเห็นว่ามันถูกต้องเท่านั้นและฉันมิได้ชี้แนะทางแก่พวกท่านเว้นแต่ทางที่เป็นสัจธรรมเท่านั้น

30.

และชายผู้ศรัทธากล่าวอีกว่า โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย!แท้จริงฉันกลัวแทนพวกท่านยี่ยงวันแห่งการลงโทษของกลุ่มชนต่าง ๆ ในอดีต

31.

เยี่ยงกับเคราะห์กรรมของหมู่ชนของนูห์ และอ๊าด และซะมูด และกับหมู่ชน หลังจากพวกเขาและอัลลอฮ์ มิ ทรงประสงค์การอธรรมใด ๆแก่ปวงบ่าว

32.

และโอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย! ฉันกลัวแทนพวกท่านเยี่ยงวันแห่งการร้องเรียกหาซึ่งกันและกัน

33.

วันที่พวกท่านหันหลังกลับหนีไม่มีผู้ใดจะช่วยปกป้องพวกท่านให้พ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์ไดเและผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงให้เขาหลงทางแล้ว ก็จะไม่มีผู้ชี้แนะทางให้แก่เขา

34.

และโดยแน่นอน แต่ก่อนนี้ยูซุฟได้มายังพวกท่านพร้อมด้วยหลักฐ่านอันชัดแจ้งแต่พวกท่านก็ยังคงอยู่ในการสงสัยในสิ่งที่เขาได้นำมายังพวกท่านจนกระทั่งเมื่อเขาได้ตายไปแล้วพวกท่านก็กล่าวว่าอัลลอฮ์จะไม่ทรงตั้งร่อซู้ลคนใดอีกแล้วหลังจากเขาเช่นนั้นแหละอัลลอฮ์จะทรงให้ผู้ที่เขาฝ่าฝืนสงสัยหลงทาง

35.

บรรดาผู้โต้เถียงในสัญญาณต่าง ๆ ของอัลลอฮ์โดยไม่มีหลักฐานใด ๆ มายังพวกเขาเป็นที่น่าเกลียดชังยิ่ง ณ ที่อัลลอฮ์ และ ณ บรรดาผู้ศรัทธาเช่นนั้นแหละอัลลอฮ์ทรงประทับบนทุก ๆ หัวใจของผู้จองหองหยิ่งยะโส

36.

และฟิรเอาน์กล่าวว่า โอ้ฮามานเอ๋ย!จงสร้างหอสูงให้ฉันเพื่อฉันจะได้บรรลุถึงทางที่จะขึ้นไป

37.

ทางที่จะขึ้นไปสู่ชั้นฟ้าทั้งหลาย เพื่อฉันจะได้เห็นพระเจ้าของมูซาและแท้จริงฉันคิดอย่างแน่ใจแล้วว่าเขาเป็นคนโกหก เช่นนั้นแหละการงานที่ชั่วช้าของเขาได้ถูกทำให้เพริศแพร้วแก่ฟิรเอาน์และเขาถูกปิดกั้นจากแนวทาง(ของอัลลอฮ์) และแผนการของฟิรเอาน์นั้นมิใช่อื่นนอกจากอยู่ในความหายนะ

38.

และผู้ศรัทธากล่าวว่า โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย! จงปฏิบัติตามฉันฉันจะชี้แนะทางแก่พวกท่านสู่ทางแห่งสัจธรรม

39.

โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ยแท้จริงชีวิตแห่งโลกนี้เป็นเพียงแค่ความเพลิดเพลินเท่านั้นและแท้จริงปรโลกนั้นมันเป็นที่อยู่อันมั่นคง

40.

ผู้ใดที่กระทำความชั่ว เขาจะไม่ได้รับการตอบแทน เว้นแต่เยี่ยงเช่นนั้นและผู้ใดกระทำความดีจากเพศชายหรือเพศหญิงก็ตามและเขาเป็นผู้ศรัทธาด้วยชนเหล่านั้นแหละพวกเขาจะได้เข้าสวนสวรรค์ จะได้รับปัจจัยยังชีพในนั้นโดยปราศจากการคำนวณ

41.

และโอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย! ทำไมฉันจึงเชิญชวนพวกท่านไปสู่การรอดพ้นแต่พวกท่านเชิญชวนฉันไปสู่ไฟนรก

42.

พวกท่านเชิญชวนฉันให้ปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮ์และให้ฉันตั้งภาคีต่อพระองค์โดยที่ฉันไม่รู้มาก่อนเลยในเรื่องนั้นและฉันได้เชิญชวนพวกท่านไปสู่ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงอภัยอย่างมากหมาย

43.

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า แท้จริงที่พวกท่านเชิญชวนฉันไปสู่นั้น มันไม่เหมาะสม(ที่จะเอาใจใส่) แก่มันทั้งในโลกนี้และในปรโลกด้วย และแท้จริงการกลับของเรานั้นไปสู่อัลลอฮ์

44.

ดังนั้นพวกท่านจะต้องระลึกถึงสิ่งที่ฉันได้กล่าวแก่พวกท่านและฉันขอมอบภารกิจของฉันแต่อัลลอฮ์ แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้เฝ้าดูปวงบ่าว

45.

อัลลอฮ์ได้ทรงคุ้มครองเขาให้พ้นจากความชั่วทั้งหลายที่พวกเขาวางแผนไว้และการลงโทษที่ชั่วช้าก็จะห้อมล้อมบริวารของฟิรเอาน์

46.

ไฟนรกนั้นพวกเขาจะถูกนำมาให้เห็นทั้งในยามเช้า และยามเย็น และวันกิยามะฮ์นั้นจะมีเสียงกล่าวว่า จะให้บริวารของฟิรเอาน์เข้าไปรับการลงโทษอันสาหัสยิ่ง

47.

และจงรำลึกถึงเมื่อพวกเขาโต้เถียงกันในนรก พวกอ่อนแอแกล่าวกับพวกหัวหน้าว่าแท้จริงพวกเราเป็นผู้ตามพวกท่านดังนั้นพวกท่านจะช่วยพวกเราให้พ้นจากการลงโทษสักส่วนหนึ่งของไฟนรกนี้ได้ไหม?

48.

บรรดาหัวหน้ากล่าวว่า แท้จริงเราทั้งหมดอยู่ในนรกแท้จริงอัลลอฮ์ทรงตัดสินระหว่างปวงบ่าวแล้วอย่างแน่นอน

49.

และบรรดาผู้อยู่ในนรก กล่าวแก่ยามเฝ้าประตูนรกว่าโปรดช่วยวิงวอนขอต่อพระเจ้าของพวกท่านให้ทรงลดหย่อนการลงโทษแก่เราสักวันหนึ่ง

50.

พวกเขากล่าวว่าบรรดาร่อซู้ลของพวกท่านมิได้มายังพวกท่านพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้งดอกหรือ ?พวกเขากล่าวว่ามีครับเขาทั้งหลายกล่าวว่า พวกท่านจงวิงวอนขอเองซิแต่การวิงวอนขอของผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น มิใช่อื่นใดนอกจากอยู่ในการหลงทาง

51.

แท้จริงเราจะช่วยเหลือบรรดาร่อซู้ลของเรา และบรรดาผู้ศรัทธาอย่างแน่นอนทั้งในชีวิตของโลกนี้ และวันที่ซึ่งปวงพยานจะยืนขึ้นเป็นพยาน

52.

วันที่การแก้ตัวของพวกเขาจะไม่อำนวยผลแก่บรรดาผู้อธรรมและสำหรับพวกเขาจะได้รับการสาปแช่ง และสำหรับพวกเขาจะมีที่พำนักอันชั่วช้า

53.

และโดนแน่นอนเราได้ประทานการชี้นำทางแก่มูซา และเราได้ให้มรดกแก่วงศ์วารของอิสรออีลคือคัมภีร์

54.

เพื่อเป็นการชี้นำทางและเป็นการเตือนรำลึกแก่บรรดาผู้มีสติปัญญา

55.

ดังนั้น เจ้าจงอดทนเพราะแท้จริงสัญญาของอัลลอฮ์นั้นเป็นความจริงและจงขออภัยโทษต่อความผิดของเจ้าและจงแซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของเจ้าทั้งในยามเย็นและในยามเช้า

56.

แท้จริง บรรดาผู้โต้เถียงในเรื่องอายาตของอัลลอฮ์ (อัลกุรอาน)โดยปราศจากหลักฐานมายังพวกเขานั้นไม่มีอะไรในทรวงอกของพวกเขานอกจากต้องการจะเป็นใหญ่ซึ่งพวกเขาจะไม่เป็นผู้บรรลุถึงมันได้ ดังนั้น จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น

57.

แน่นอนการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นใหญ่ยิ่งกว่าการสร้างมนุษย์แต่ว่าส่วนมากของมนุษย์ไม่รู้

58.

และคนตาบอดกับคนตาดีนั้นย่อมไม่เท่าเทียมกันและบรรดาผู้ศรัทธาและประกอบความดีทั้งหลายกับพวกกระทำความชั่วก็ไม่เท่าเทียมเช่นกันเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่พวกเจ้าจะใคร่ครวญ

59.

แท้จริง วันอวสานนั้นจะมีมาอย่างแน่นอน ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ในวันนั้นแต่ว่าส่วนมากของมนุษย์ไม่ยอมศรัทธา

60.

และพระเจ้าของพวกเจ้าตรัสว่า จงวิงวอนขอต่อข่า ข้าจะตอบรับแก่พวกเจ้าส่วนบรรดาผู้โอหังกต่อการเคารพภักดีข้านั้น จะเข้าไปอยู่ในนรกอย่างต่ำต้อย

61.

อัลลอฮ์ผู้ทรงบันดาลกลางคืนให้แก่พวกเจ้า เพื่อจะได้พักผ่อนในเวลาของมันและกลางวันเพื่อจะได้มองเห็นแท้จริงอัลลอฮ์เป็นเจ้าของความโปรดปรานแก่ปวงมนุษย์แต่ว่าส่วนมากของมนุษย์ไม่ขอบคุณ

62.

นั่นคืออัลลอฮ์ พระเจ้าของพวกเจ้าผู้ทรงสร้างทุกสิ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ดังนั้นทำไมพวกเจ้าจึงถูกหันเหออกจากพระองค์เล่า?

63.

เช่นนั้นแหละ บรรดาผู้ที่ปฏิเสธต่อสัญญาณทั้งหลายของอัลลอฮ์ จะถูกทำให้หันเหออก(จากสัจธรรม)

64.

อัลลอฮ์คือผู้ทรงทำให้แผ่นดินนี้เป็นที่พำนักแก่พวกเจ้า และชั้นฟ้าเป็นเพดานมั่นคงและทรงทำให้พวกเจ้าเป็นรูปร่าง และทรงทำให้รูปร่างของพวกเจ้าสวยงามและทรงประทานปัจจัยยังชีพจากสิ่งที่ดี ๆ แก่พวกเจ้านั่นคืออัลลอฮ์พระเจ้าของพวกเจ้า ดังนั้นอัลลอฮ์พระเจ้าแห่งสากลโลกทรง จำเริญยิ่ง

65.

พระองค์คือผู้ทรงมีชีวิต ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ดังนั้นจงวิงวอนขอต่อพระองค์โดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในสาสนาของพระองค์บรรดาการสรรเสริญนั้นเป็นของอัลลอฮ์ พระเจ้าแห่งสากลโลก

66.

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดแท้จริงฉันถูกห้ามมิให้เคารพภักดีต่อบรรดาที่พวกท่านวิงวอนขออื่นจากอัลลอฮ์เมื่อหลักฐานทั้งหลายอันชัดแจ้งจากพระเจ้าของฉันได้มีมายังฉันแล้วและฉันถูกบัญชาให้นอบน้อมต่อพระเจ้าแห่งสากลโลก

67.

พระองค์คือผู้ทรงสร้างพวกเจ้าจากฝุ่นดิน แล้วจากเชื้ออสุจิแล้วจากก้อนเลือดแล้วทรงให้พวกเจ้าคลอดออกมาเป็นทารกแล้วเพื่อพวกเจ้าจะได้บรรลุสู่วัยฉกรรจ์ของพวกเจ้าแล้วเพื่อพวกเจ้าจะได้เป็นคนชรา และในหมู่พวกเจ้ามีผู้เสียชีวิตในวัยหนุ่มและเพื่อให้พวกเจ้าจะได้บรรลุสู่วัยที่ถูกกำหนดไว้และเพื่อพวกเจ้าจะได้ใช้สติปัญญาใคร่ครวญ

68.

พระองค์ คือผู้ทรงให้เป็นและทรงให้ตาย ดังนั้นเมื่อพระองค์ทรงกำหนดกิจการใด ๆพระองค์ก็จะกล่าวแก่มันว่า จงเป็น แล้วมันก็จะเป็นขึ้นมา

69.

เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า บรรดาผู้ที่โต้เถียงในอายาตของอัลลอฮ์ (อัลกุรอาน)พวกเขาถูกให้พันเหออกไปอย่างไร ?

70.

บรรดาผู้ปฏิเสธต่อคัมภีร์และต่อสิ่งที่เราได้ส่งมาพร้อมกับรรดาร่อซู้ลของเราแล้วพวกเขาก็จะได้รู้

71.

เมื่อห่วงคล้องคออยู่บนต้นของพวกเขา และโซ่ตรวนถูกลากไป

72.

ในน้ำเดือดพล่าน แล้วในไฟนรกพวกเขาจะถูกเผาไหม้

73.

แล้วจะมีเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่าไหนเล่าสิ่งที่พวกเจ้าตั้งภาคี

74.

อื่นจากอัลลอฮ์ พวกเขากล่าวว่ามันได้หลงหายไปจากพวกเราแล้วแต่ว่าพวกเรามิได้วิงวอนขอต่อสิ่งใดก่อนหน้านี้ดอก!เช่นนั้นแหละอัลลอฮ์ทรงให้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาหลงทาง

75.

นั่นก็เพราะว่า พวกเจ้าหลงระเริงในแผ่นดิน โดยไม่เป็นธรรม และเพราะว่าพวกเจ้าอวดดี

76.

จงเข้าไปในประตูทั้งหลายของนรก เป็นผู้พำนักอยู่ตลอดกาลในนั้นฉะนั้นที่พำนักของพวกหยิ่งผยองมันชั่วช้าแท้ ๆ

77.

ดังนั้นเจ้าจงอดทน แท้จริงสัญญาของอัลลอฮ์นั้นเป็นจริงบางทีเราจะให้เจ้าได้เห็นบางสิ่งที่ได้สัญญาแก่พวกเขาหรือเราจะทำให้เจ้าตายเสียก่อน ดังนั้นพวกเขาจะถูกกลับไปยังเรา

78.

และโดยแน่นอนเราได้ส่งบรรดาร่อซู้ลมาก่อนหน้าเจ้าบางคนในหมู่พวกเขามีผู้ที่เราบอกเล่าแก่เจ้าและบางคนในหมู่พวกเขามีผู้ที่เรามิได้บอกเล่าแก่เจ้าและไม่บังควรแก่ร่อซู้ลที่จะนำสัญญาณใด ๆมาเว้นแต่ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์มาถึงเรื่องนั้นก็จะถูกตัดสินด้วยความยุติธรรมและขณะนั้นบรรดาผู้กล่าวเท็จก็จะขาดทุนอย่างย่อยยับ

79.

อัลลอฮ์คือผู้ทรงทำปศุสัตว์บางชนิดให้พวกเจ้าเพื่อใช้เป็นพาหนะ และบางชนิดเพื่อให้พวกเจ้าใช้กิน

80.

และสำหรับพวกเจ้าในตัวมันนั้นมีประโยชน์มากหลายและเพื่อพวกเจ้าจะได้บรรลุสู่สมความปราถนาที่มีอยู่ในทรวงอกของพวกเจ้าและพวกเจ้าบรรทุกบนหลังมันเช่นเดียวกับใช้บรรทุกบนเรือ

81.

และพระองค์ได้ทรงให้พวกเจ้าเห็นสัญญาณต่าง ๆ ของพระองค์ดังนั้น ด้วยสัญญาณต่าง ๆของอัลลอฮ์อันใดเล่าที่พวกเจ้าปฏิเสธ

82.

พวกเข้ามิได้ท่องเที่ยวไปตามแผ่นดินดอกหรือ ? แล้วพิจารณาดูว่าบั้นปลายของประชาชาติในยุคก่อนหน้าพวกเขาเป็นเช่นใดเขาเหล่านั้นมีจำนวนมากกว่ายพวกเขา และมีพลังเข้มแข็งว่าและได้ทิ้งร่องรอยไว้มากมายในแผ่นดินดังนั้นสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้นั้นหาได้อำนวยประโยชน์แก่พวกเขาไม่

83.

ดังนั้นเมื่อบรรดาร่อซู้ลของพวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อมด้วยหลักฐานต่าง ๆอันชัดแจ้งพวกเขาก็ดีใจกับความรู้ (ทางด้านวัตถุ) ที่มีอยู่กับพวกเขาและสิ่งที่พวกเขาเคยเยาะเย้ยไว้นั้นก็ห้อมล้อมพวกเขา

84.

ครั้นเมื่อพวกเขาได้เห็นการลงโทษอย่างหนักของเรา พวกเขาก็กล่าวว่าเราศรัทธาต่อัลลอฮ์องค์เดียว และเราปฏิเสธศรัทธาต่อสิ่งที่เราเคยตั้งภาคีต่อพระองค์

85.

แต่การศรัทธาของพวกเขาจะไม่อำนวยประโยชน์แก่พวกเขาเลยในเมื่อพวกเขาได้เห็นการลงโทษอย่างหนักของเรานี่คือแนวทางของอัลลอฮ์ที่ได้มีมาแต่ในอดีตในปวงบ่าวของพระองค์และขณะนั้นบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาก็ได้ขาดทุนอย่างย่อยยับ