1. |
คัมภีร์นี้เป็นการประทานลงมาจากอัลลอฮ์ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ |
2. |
แท้จริงเราได้ประทานคัมภีร์มายังเจ้าด้วยสัจธรรม ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์โดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาต่อพระองค์ |
3. |
พึงทราบเถิด การอิบาดะฮ์โดยบริสุทธิ์ใจนั้นเป็นของอัลลอฮ์องค์เดียวส่วนบรรดาผู้ที่ยึดถือเอาบรรดาผู้คุ้มครองอื่นจากอัลลอฮ์โดยกล่าวว่าเรามิได้เคารพภักดีพวกเขา เว้นแต่เพื่อทำให้เราเข้าใกล้ชิดต่ออัลลอฮ์แท้จริงอัลลอฮ์จะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกันในเรื่องนั้นแท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงชี้นำทางแก่ผู้กล่าวเท็จ ผู้ไม่สำนึกบุญคุณ |
4. |
หากอัลลอฮ์ทรงประสงค์จะมีพระโอรสแน่นอนพระองค์จะทรงเลือกจากสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมาตามที่พระองค์ทรงประสงค์มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ท่านพระองค์คืออัลลอฮ์ ผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงพิชิต |
5. |
พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินด้วยความจริงอันชัดแจ้งพระองค์ทรงให้กลางคืนคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวันและทรงให้กลางวันคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางคืนและทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์ (แก่มนุษย์)ทุกสิ่งโคจรไปตามวาระที่ได้กำหนดไว้ พึงทราบเถิด พระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจผู้ทรงอภัยอย่างมาก |
6. |
พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าจากชีวิตหนึ่ง แล้วจากชีวิตนั้นทรงทำให้เป็นของคู่ครองของมันและทรงประทานปศุสัตว์แปดตัวเป็นคู่แก่พวกเจ้าพระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าในครรภ์ของมารดาพวกเจ้าเป็นการบังเกิดครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ในความมืดสามชั้น นั่นคืออัลลอฮ์พระเจ้าของพวกเจ้า พระอำนาจเป็นสิทธิของพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์แล้วทำไมพวกเจ้าจึงผินหน้าไปทางอื่น! |
7. |
หากพวกเจ้าปฏิเสธศรัทธา ดังนั้น แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงพอเพียงจากพวกเจ้าและจะไม่ทรงปิติยินดีต่อการเนรคุณของปวงบ่าวของพระองค์และหากพวกเจ้ากตัญญู พระองค์ก็จะทรงปิติยินดีต่อพวกเจ้าและไม่มีผู้แบกภาระคนใดที่จะแบกภาระของผู้อื่นได้แล้วยังพระเจ้าของพวกเจ้าคือการกลับของพวกเจ้าและพระองค์ก็จะทรงบอกเล่าพวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไว้แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก |
8. |
และเมื่อทุกขภัยใด ๆ ประสบแก่มนุษย์เขาก็จะวิงวอนขอต่อพระเจ้าของเขาเป็นผู้หันหน้าเข้าสู่พระองค์อย่างนอบน้อมครั้นเมื่อพระองค์ทรงประทานความโปรดปรานจากพระองค์ให้แก่เขาเขาก็ลืมสิ่งที่เขาได้เคยวิงวอนขอต่อพระองค์มาแต่ก่อนและเขาได้ตั้งภาคีคู่เคียงกับอัลลอฮ์เพื่อให้หลงจากทางของอัลลอฮ์จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ท่านจงร่าเริงเพียงระยะหนึ่งต่อการปฏิเสธของท่านเถิดแท้จริงท่านนั้นอยู่ในหมู่ชาวนรก |
9. |
ผู้ที่เขาเป็นผู้ภักดีในยามค่ำคืน ในสภาพของผู้สุญูดและผู้ยืนละหมาดโดยที่เขาหวั่นเกรงต่อโลกอาคิเราะฮ์และหวังความเมตตาของพระเจ้าของเขา(จะเหมือนกับผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์กระนั้นหรือ?) จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดบรรดาผู้รู้และบรรดาผู้ไม่รู้จะเท่าเทียมกันหรือ?แท้จริงบรรดาผู้มีสติปัญญาเท่านั้นที่จะใคร่ครวญ |
10. |
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด โอ้ปวงบ่าวผู้ศรัทธาทั้งหลายเอ๋ย!จงยำเกรงพระเจ้าของพวกท่านเถิด สำหรับบรรดาผู้ทำความดีในโลกนี้คือ(จะได้รับการตอบแทน) ความดีและแผ่นดินของอัลลอฮ์นั้นกว้างใหญ่ไพศาลแท้จริงบรรดาผู้อดทนนั้นจะได้รับการตอบแทนรางวัลของพวกเขาอย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องคำนวณ |
11. |
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด แท้จริงฉันได้ถูกบัญชาให้เคารพภักดีต่ออัลลอฮ์โดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาต่อพระองค์ |
12. |
และฉันได้ถูกบัญชาให้ฉันเป็นคนแรกของปวงชนผู้นอบน้อม |
13. |
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด แท้จริงฉันกลัวการลงโทษแห่งวันอันยิ่งใหญ่หากฉันฝ่าฝืนพระเจ้าของฉัน |
14. |
จงกล่าวเถิดเฉพาะอัลลอฮ์เท่านั้นที่ฉันเคารพภักดีโดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาของฉันต่อพระองค์ |
15. |
ดังนั้นพวกท่านจงสักการะบูชาตามที่พวกท่านประสงค์อื่นจากพระองค์เถิด จงกล่าวเถิดว่าแท้จริงบรรดาผู้ขาดทุนนั้นคือ บรรดาผู้ที่ทำตัวของพวกเขาเองและครอบครัวของพวกเขาให้ขาดทุนในวันกิยามะฮ์ พึงรู้เถิดว่านั่นคือการขาดทุนอย่างชัดแจ้ง |
16. |
สำหรับพวกเขานั้นมีชั้นของเปลวไฟนรกปกคลุมเหนือพวกเขาและเบื้องล่างของพวกเขาก็มีชั้นของเปลวไฟนรกอยู่ด้วยสิ่งนั้นแหละที่อัลลอฮ์ทรงทำให้ปวงบ่าวของพระองค์กลัว โอ้ปวงบ่าวของข้าเอ๋ย !จงยำเกรงต่อข้าเถิด |
17. |
และบรรดาผู้ที่หลีกหนีให้ห่างจากพวกเจว็ดเพื่อที่จะไม่สักการะบูชามันและหันไปจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์สำหรับพวกเขานั้นมีข่าวดีดังนั้นเจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่ปวงบ่าวของข้า |
18. |
บรรดาผู้ที่สดับฟังคำกล่าว แล้วปฏิบัติตามที่ดีที่สุดของมันชนเหล่านี้คือบรรดาผู้ที่อัลลอฮ์ทรงชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่พวกเขาและชนเหล่านี้พวกเขาคือผู้ที่มีสติปัญญาใคร่ครวญ |
19. |
ดังนั้นผู้ที่คำมั่นสัญญาแห่งการลงโทษได้คู่ควรแก่เขาแล้ว(เจ้าสามารถจะฮิดายะฮ์ให้แก่เขา) กระนั้นหรือ?และเจ้าจะช่วยผู้ที่อยู่ในนรกให้รอดพ้นได้หรือ ? |
20. |
แต่บรรดาผู้ยำเกรงพระเจ้าของพวกเขานั้นสำหรับพวกเขาจะมีคฤหาสน์สง่าโอ่โถงเหนือขึ้นไปอีกก็มีคฤหาสน์สง่าโอ่โถงสร้างไว้ ณเบื้องล่างของมันมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน (มันเป็น) ข้อสัญญาของอัลลอฮ์อัลลอฮ์นั้นจะไม่ทรงบิดพริ้วสัญญา |
21. |
เจ้ามิเห็นดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮ์ทรงหลั่งน้ำลงมาจากฟากฟ้าแล้วทรงให้มันไหลซึมลงไปในแผ่นดินเป็นตาน้ำด้วยน้ำนั้นทรงให้พืชงอกออกมาหลายสีแล้วมันก็จะเหี่ยวแห้ง ดังนั้น เจ้าจะเห็นมันกลายเป็นสีเหลืองแล้วพระองค์ทรงทำให้มันเป็นเศษเป็นชิ้นแท้จริงในการนั้นย่อมเป็นข้อเตือนสติแก่ผู้มีสติปัญญาทั้งหลาย |
22. |
ผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงเปิดทรวงอกของเขาเพื่ออิสลามและเขาอยู่บนแสงสว่างจากพระเจ้าของเขา (จะเหมือนกับผู้ที่หัวใจบอดกระนั้นหรือ?)ดังนั้นความวิบัติจงประสบแด่ผู้ที่หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้างต่อการรำลึกถึงอัลลอฮ์ชนเหล่านี้อยู่ในการหลงผิดอันชัดแจ้ง |
23. |
อัลลอฮ์ได้ทรงประทานคำกล่าวที่ดียิ่งลงมาเป็นคัมภีร์คล้องจองกันกล่าวซ้ำกันผิวหนังของบรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้าของพวกเขาจะลุกชันขึ้นแล้วผิวหนังของพวกเขาและหัวใจของพวกเขาจะสงบลงเพื่อรำลึกถึงอัลลอฮ์นั่นคือการชี้นำทางของอัลลอฮ์พระองค์จะทรงชี้นำทางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงให้เขาหลงทางดังนั้นสำหรับเขาจะไม่มีผู้ชี้นำทาง |
24. |
ดังนั้นผู้ใดที่ป้องกันใบหน้าของเขาให้พ้นจากการลงโทษอันชั่วช้าในวันกิยามะฮ์(จะเหมือนกับผู้ที่ปลอดภัยจากการลงโทษกระนั้นหรือ?)และจะมีเสียงกล่าวแก่บรรดาผู้อธรรมว่า จงลิ้มรสสิ่งที่พวกเจ้าแสวงหาไว้เถิด |
25. |
บรรดาหมู่ชนก่อนหน้าพวกเขาได้ปฏิเสธมาแล้ว ดังนั้นการลงโทษได้มีมายังพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัว |
26. |
ดังนั้น อัลลอฮ์ทรงให้พวกเขาลิ้มรสความอัปยศในชีวิตของโลกนี้และแน่นอนการลงโทษในปรโลกนั้นยิ่งใหญ่กว่า หากพวกเขาได้รู้ |
27. |
และโดยแน่นอน เราได้ยกไว้ในทุก ๆอุทาหรณ์ในอัลกุรอานนี้สำหรับมนุษย์เพื่อพวกเขาจะได้ใคร่ครวญ |
28. |
กุรอานเป็นภาษาอาหรับ ไม่มีการคดเคี้ยวเพื่อพวกเขาจะได้ยำเกรง |
29. |
อัลลอฮ์ทรงยกอุทาหรณ์ชายคนหนึ่งเป็นของหุ้นส่วนหลายคน พวกเขาขัดแย้งไม่ลงรอยกันและชายอีกคนหนึ่งเป็นของชายคนหนึ่งโดยเฉพาะทั้งสองนี้จะเป็นอุทาหรณ์ที่เท่าเทียมกันหรือ? การสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮ์แต่ว่าส่วนมากของพวกเขาไม่รู้ |
30. |
แท้จริงเจ้าจะต้องตาย และแท้จริงพวกเขาจะต้องตาย |
31. |
แล้วแท้จริงพวกเจ้าในวันกิยามะฮ์จะถกเถียงกันต่อหน้าพระเจ้าของพวกเจ้า |
32. |
ดังนั้น ผู้ใดเล่าที่จะอธรรมยิ่งไปกว่าผู้กล่าวเท็จต่ออัลลอฮ์และปฏิเสธความจริงเมื่อมันได้มีมายังเขามิใช่ในนรกดอกหรือที่เป็นที่พำนักสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา |
33. |
ส่วนผู้ที่นำความจริงมา และเขาได้เชื่อมั่นความจริงนั้น ชนเหล่านี้พวกเขาคือบรรดาผู้ยำเกรง |
34. |
นั่นคือการตอบแทนของบรรดาผู้กระทำความดี |
35. |
เพื่อที่อัลลอฮ์จะทรงลบล้างความชั่วที่พวกเขากระทำไว้ออกจากพวกเขาและจะทรงตอบแทนรางวัลของพวกเขาแก่พวกเขาด้วยสิ่งที่ดียิ่งตามที่พวกเขาได้กระทำไว้ |
36. |
อัลลอฮ์จะมิทรงเป็นผู้พอเพียงแก่บ่าวของพระองค์ดอกหรือและพวกเขายังขู่เจ้าให้กลัวด้วยเจว็ดต่าง ๆ อื่นจากพระองค์และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงให้เขาหลงทาง ดังนั้นสำหรับเขาจะไม่มีผู้ชี้นำทาง |
37. |
และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงชี้นำทาง ดังนั้นก็ไม่มีผู้ใดจะทำให้เขาหลงทางได้อัลลอฮ์มิใช่เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงตอบโต้อย่างเด็ดขาดดอกหรือ |
38. |
และถ้าเจ้าถามพวกเขาว่า ใครเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินแน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่าอัลลอฮ์ จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดพวกท่านไม่เห็นดอกหรือว่าสิ่งที่พวกท่านวิงวอนขออื่นจากอัลลอฮ์นั้นหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์จะให้มีความทุกข์ยากแก่ฉันแล้วพวกมันจะปลดเปลื้องความทุกข์ยากของพระองค์ได้ไหม?หรือหากพระองค์ประสงค์จะให้ความเมตตาแก่ฉันพวกมันจะยับยั้งความเมตตาของพระองค์ได้ไหม?จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด อัลลอฮ์ทรงพอเพียงแก่ฉันแล้ว แต่พระองค์เท่านั้นบรรดาผู้มอบความไว้วางใจจะให้ความไว้วางใจ |
39. |
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย! จงทำงานตามสภาพของพวกท่านแท้จริงฉันก็เป็นผู้ทำงาน แล้วพวกท่านจะได้รู้ |
40. |
ผู้ที่การลงโทษจะมีมายังเขาก็จะทำให้เขาอัปยศ และการลงโทษตลอดกาลจะประสบแก่เขา |
41. |
แท้จริงเราได้ประทานคัมภีร์แก่เจ้าเพื่อมนุษยชาติด้วยสัจธรรมดังนั้นผู้ใดปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องก็จะได้แก่ตัวของเขาเองและผู้ใดหลงทางเขาก็จะหลงอยู่บนทางที่ผิดและเจ้ามิได้เป็นผู้รับผิดชอบต่อพวกเขา |
42. |
แท้จริงในการนั้น แน่นอนย่อมเป็นสัญญาสำหรับหมู่ชนผู้ใคร่ครวญ |
43. |
หรือว่าพวกเจ้าได้ยึดเอาบรรดาผู้ช่วยเหลืออื่นจากอัลลอฮ์ จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดทั้ง ๆที่พวกมันมิได้มีอำนาจใด ๆ และพวกมันก็ไม่มีสติปัญญากระนั้นหรือ? |
44. |
แล้วพวกท่านจะถูกนำกลับไปยังพระองค์ |
45. |
และเมื่อ (พระนาม) อัลลอฮ์ถูกกล่าวเพียงพระองค์เดียวจิตใจของบรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮ์ก็รังเกียจแต่เมื่อบรรดาเจว็ดถูกกล่าวนอกจากพระองค์ เมื่อนั้นพวกเขาก็ดีใจ |
46. |
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ข้าแต่อัลลอฮ์พระผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินพระผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งเร้นลับ และสิ่งเปิดเผยพระองค์ท่านจะทรงตัดสินระหว่างปวงบ่าวของพระองค์ในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกันอยู่ |
47. |
และหากว่าบรรดาผู้อธรรมมีสิ่งที่มีอยู่ในแผ่นดินนี้ทั้งหมดและมีเยี่ยงนั้นอีกด้วยแน่นอนพวกเขาจะขอไถ่ด้วยสิ่งนั้นให้พ้นจากการลงโทษที่ชั่วร้ายในวันกิยามะฮ์แต่สิ่งที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าสิ่งที่มาจากอัลลอฮ์นั้นจะปรากฏขึ้นแก่พวกเขา |
48. |
และความชั่วทั้งหลายที่พวกเขาได้กระทำไว้ก็จะปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาและสิ่งที่พวกเขาได้เคยเยาะเย้ยไว้นั้นก็ห้อมล้อมพวกเขา |
49. |
ครั้นเมื่อทุกขภัยใดประสบแก่มนุษย์เขาก็จะวิงวอนขอเราต่อมาเมื่อเราได้ประทานความโปรดปรานจากเราแก่เขาเขาก็กล่าวว่าแท้จริงสิ่งที่ฉันได้รับมานั้นเนื่องจากความรอบรู้ของฉันต่างหาก แต่(เขาหารู้ไม่ว่า) มันคือการทดสอบ แต่ว่าส่วนมากของพวกเขาไม่รู้ |
50. |
โดยแน่นอน บรรดาหมู่ชนก่อนหน้าพวกเขาได้กล่าวมันไว้ เช่นนี้ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้นั้นหาได้อำนวยประโยชน์แก่พวกเขาไม่ |
51. |
ฉะนั้นความชั่วทั้งหลายที่เขาได้กระทำไว้ จึงประสบแก่พวกเขาและบรรดาผู้อธรรมจากหมู่ชนเหล่านั้นความชั่วทั้งหลายที่พวกเขาได้กระทำไว้ก็จะประสบแก่พวกเขาเช่นกันและพวกเขาไม่สามารถจะหนีรอดพ้นไปได้ |
52. |
พวกเขาไม่รู้ดอกหรือว่า อัลลอฮ์ทรงแผ่ปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงให้คับแคบ แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นสัญญาณมากหลายสำหรับหมู่ชนผู้ศรัทธา |
53. |
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ปวงบ่าวของข้าเอ๋ย! บรรดาผู้ละเมิดต่อตัวของพวกเขาเองพวกท่านอย่าได้หมดหวังต่อพระเมตตาของอัลลอฮ์แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงอภัยความผิดทั้งหลายทั้งมวล แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ |
54. |
และจงผินหน้าไปหาพระเจ้าของพวกท่าน และจงนอบน้อมต่อพระองค์ก่อนที่การลงโทษจะมายังพวกท่าน แล้วพวกท่านจะมิได้รับความช่วยเหลือ |
55. |
และจงปฏิบัติตามสิ่งที่ดียิ่งที่ได้ถูกประทานลงมายังพวกท่านจากพระเจ้าของพวกท่านก่อนที่การลงโทษจะมายังพวกท่านโดยฉับพลันโดยที่พวกท่านไม่รู้สึกตัว |
56. |
มิฉะนั้น ชีวิตหนึ่งจะกล่าวว่า โอ้ความหายนะจงประสบแก่ข้าพระองค์ที่ข้าพระองค์ทอดทิ้ง (หน้าที่) ที่มีต่ออัลลอฮ์และข้าพระองค์เคยอยู่ในหมู่ผู้เยาะเย้ยอีกด้วย |
57. |
หรือมัน (ชีวิต) จะกล่าวว่า หากอัลลอฮ์ทรงชี้แนะทางแก่ข้าพระองค์แน่นอนข้าพระองค์ก็จะอยู่ในหมู่ผู้ยำเกรง |
58. |
หรือมัน (ชีวิต) จะกล่าวขณะที่เห็นการลงโทษว่า มาตรว่า ข้าพระองค์มีโอกาสกลับ(ไปสู่โลกดุนยา) อีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นข้าพระองค์ก็จะได้อยู่ในหมู่ผู้กระทำความดี |
59. |
(พระองค์ตรัสว่า) เปล่าเลย! แน่นอนสัญญาณทั้งหลายของเขาได้มายังเจ้าแล้วแต่เจ้าได้ปฏิเสธมัน และเจ้าได้หยิ่งยะโส และเจ้าได้อยู่ในหมู่ผู้ปฏิเสธศรัทธา |
60. |
และวันกิยามะฮ์ เจ้าจะเห็นบรรดาผู้ที่กล่าวเท็จต่ออัลลอฮ์ ใบหน้าของพวกเขาดำคล้ำดังนั้น ที่พำนักสำหรับบรรดาผู้หยิ่งยะโสนั้นมิใช่นรกดอกหรือ? |
61. |
และอัลลอฮ์จะทรงให้บรรดาผู้ยำเกรงรอดพ้น เพราะชัยชนะของพวกเขา (โดยที่)ความชั่วร้ายจะไม่ประสบแก่พวกเขา และพวกเขาจะไม่เศร้าโศกเสียใจ |
62. |
อัลลอฮ์ คือผู้ทรงสร้างทุกสิ่ง และพระองค์เป็นผู้ทรงดูแลและคุ้มครองทุกสิ่ง |
63. |
การควบคุมดูแลกิจการแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นสิทธิของพระองค์และบรรดาผู้ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของอัลลอฮ์ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ขาดทุน |
64. |
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พวกท่านใช้ให้ฉันเคารพสักการะสิ่งอื่นจากอัลลอฮ์กระนั้นหรือ?โอ้ปวงบ่าวผู้บัดซบเอ๋ย! |
65. |
และโดยแน่นอน ได้มีวะฮีย์ยฺมายังเจ้า (มุฮัมมัด)และมายังบรรดานบีก่อนหน้าเจ้าหากเจ้าตั้งภาคี (กับอัลลอฮ์)แน่นอนการงานของเจ้าก็จะไร้ผล และแน่นอนเจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน |
66. |
แต่ว่าจงเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ และจงอยู่ในหมู่ผู้กตัญญู |
67. |
และพวกเขามิได้ให้ความยิ่งใหญ่แด่อัลลอฮ์อันพึงมีต่อพระองค์อย่างแท้จริงและแผ่นดินนี้ทั้งหมดเป็นเพียงกำพระหัตถ์หนึ่งของพระองค์ในวันกิยามะฮ์และชั้นฟ้าทั้งหลายจะม้วนกลิ้งด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์และพระองค์ทรงสูงส่งเหนือจากสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี |
68. |
และสังข์ได้ถูกเป่าขึ้น แล้วบรรดาผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินจะล้มลงตายเว้นแต่ผู้ที่อัลลอฮ์ประสงค์แล้วสังข์ได้ถูกเป่าขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แล้วพวกเขาก็ลุกขึ้นยืนมองดู |
69. |
และแผ่นดินจะเป็นประกายด้วยรัศมีแห่งพระเจ้าของมัน และบันทึกจะถูกกางแผ่และบรรดานบีและบรรดาพยานจะถูกนำมาและจะถูกตัดสินระหว่างพวกเขาด้วยความยุติธรรมและพวกเขาจะไม่ถูกอยุติธรรม |
70. |
และทุกชีวิตจะได้รับการตอบแทนอย่างครบครันตามที่มันได้กระทำไว้และพระองค์ทรงรอบรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้ |
71. |
และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะถูกไล่ต้อนสู่นรกเป็นกลุ่ม ๆจนกระทั่งเมื่อพวกเขามาถึงมัน ประตูทั้งหลายของมันจะถูกเปิดออกยามเฝ้าประตูของมันจะกล่าวแก่พวกเขาว่าบรรดาร่อซู้ลจากพวกท่านมิได้มายังพวกท่านเพื่อสาธยายสัญญาณต่างๆแห่งพระเจ้าของพวกท่านแก่พวกท่านและกล่าวเตือนพวกท่านถึงการพบในวันนี้ของพวกท่านดอกหรือ ? พวกเขากล่าวว่ามีครับแต่ว่าพระประกาศิตแห่งการลงโทษเป็นที่คู่ควรแล้วแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา |
72. |
จะมีเสียงกล่าวว่า พวกท่านจงเข้าไปในประตูทั้งหลายของนรกเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล ดังนั้นที่พำนักของบรรดาผู้หยิ่งยะโสชั่วช้าแท้ ๆ |
73. |
และบรรดาผู้ยำเกรงพระเจ้าของพวกเขาจะถูกนำสู่สวนสวรรค์เป็นกลุ่ม ๆจนกระทั่งเมื่อพวกเขามาถึงมัน และ ประตูทั้งหลายของมันจะถูกเปิดออกยามเฝ้าประตูสวรรค์จะกล่าวแก่พวกเขาว่า ความศานติจงมีแด่พวกท่านพวกท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ดังนั้นจงเข้าไปในสวรรค์เป็นผู้พำนักอยู่ตลอดกาล |
74. |
และพวกเขากล่าวว่า บรรดาการสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮ์ผู้ซึ่งได้ทำให้สัญญาของพระองค์เป็นที่สมจริงแก่พวกเราและทรงทำให้เราได้ครอบครองแผ่นดินในสวนสวรรค์เพื่อที่เราจะได้พำนักอยู่ตามที่เราประสงค์ดังนั้นรางวัลของบรรดาผู้กระทำความดีช่างยอดเยี่ยมแท้ ๆ |
75. |
และเจ้าจะเห็นมลาอิกะฮ์ห้อมล้อมรอบ ๆ บังลังก์แซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของพวกเขาและจะถูกตัดสินระหว่างพวกเขาด้วยความยุติธรรม และจะมีเสียงกล่าวว่าบรรดาการสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮ์ พระเจ้าแห่งสากลโลก |