27. อันนัมล์

1.

ฏอ ซีนเหล่านี้คือโองการทั้งหลายของอัรกุรอาน และคัมภีร์อันชัดแจ้ง

2.

เป็นแนวทางที่ถูกต้อง และข่าวดีสำหรับบรรดาผู้ศรัทธา

3.

บรรดาผู้ที่ดำรงการละหมาดและบริจาคซะกาต และต่อวันปรโลกพวกเขาเชื่อมั่น

4.

แท้จริงบรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อวันปรโลกนั้นเราได้ทำให้การงานของพวกเขาสวยงามแก่พวกเขา ดังนั้นพวกเขาจะระเหเร่ร่อน

5.

ชนเหล่านั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันชั่วช้าและในวันปรโลกพวกเขาเป็นผู้ขาดทุนยิ่ง

6.

และแท้จริง เจ้าจะได้รับอัลกุรอานอย่างแน่นอน จากพระผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้

7.

จงรำลึก เมื่อมูซากล่าวแก่ครอบครัวของเขา ว่า แท้จริงฉันเห็นไฟฉันจะนำข่าวจากที่นั่นมาให้พวกท่านหรือฉันจะนำคบเพลิงมาให้พวกท่านเพื่อพวกท่านจะได้ทำให้มันอุ่น

8.

ครั้นเมื่อเขามาถึงที่นั่น ได้มีเสียงเรียกขึ้นว่า ผู้ที่อยู่ในไฟและผู้ที่อยู่รอบๆ มัน จะได้รับความจำเริญ และมหาบริสุทธิ์แห่งอัลลอฮ์ พระเจ้าแห่งสากลโลก

9.

โอ้มูซาเอ๋ย ! แท้จริงข้าคืออัลลอฮ์ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ

10.

และจงโยนไม้เท้าของเจ้า เมื่อเขาเห็นมันเคลื่อนไหวคล้ายกับว่ามันเป็นงูเขาก็กลับหลังหันและไม่หันกลับมาอีก โอ้มูซาเอ๋ย ! เจ้าอย่ากลัวแท้จริงบรรดาร่อซู้ลนั้นจะไม่กลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า

11.

เว้นแต่ผู้อธรรม แล้วเขาได้เปลี่ยนมาทำความดี หลังจากที่ได้ทำความชั่วเพราะแท้จริงข้านั้นเป็นผู้อภัย ผู้เมตตาเสมอ

12.

และจงสอดมือของเจ้าเข้าไปในอกเสื้อของเจ้า มันจะออกมาขาวปราศจากอันตรายใด ๆ(นี่คือสอง) ในเก้าสัญญาณ (ที่เจ้าจะนำไป) ยังฟิรเอาน์และพวกพ้องของเขาแท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ฝ่าฝืน

13.

เมื่อสัญญาณของเราได้มาปรากฎชัดแจ้งแก่พวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่านี่คือเวทมนต์คาถาอันแจ่มแจ้ง

14.

และพวกเขาได้ปฏิเสธมันอย่างยุติธรรมและเย่อหยิ่ง ทั้ง ๆที่จิตใจของพวกเขาเชื่อมั่นมันดังนั้นจงดูเถิดว่าบั้นปลายของบรรดาผู้บ่อนทำลายนั้นจะเป็นเช่นไร ?

15.

และโดยแน่นอนเราได้ให้ความรู้แก่ดาวูดและสุลัยมาน และเขาทั้งสองกล่าวว่าบรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์ ผู้ทรงโปรดปรานแก่เราเหนือส่วนมากของปวงบ่าวของพระองค์ผู้ศรัทธาทั้งหลาย

16.

และสุลัยมานเป็นทายาทของดาวูด และเขากล่าวว่า มหาชนทั้งหลายเอ๋ย !เราได้รับความรู้ในภาษาของนก และเราได้รับทุก ๆ สิ่ง แท้จริงนี่คือความโปรดปรานอันแท้จริงแน่นอน

17.

และไพร่พลของเขาที่เป็นญินมนุษย์และนก ได้ถูกให้มาชุนนุมต่อหน้าสุลัยมานและพวกเขาถูกจัดให้เป็นระเบียบ

18.

จนกระทั่งเมื่อพวกเขาได้มาถึงทุ่งที่มีมดมาก มดตัวหนึ่งได้พูดว่า โอ้พวกมดเอ๋ย!พวกเจ้าจงเข้าไปในรังของพวกเจ้าเถิดเพื่อว่าสุลัยมานและไพร่พลของเขาจะได้ไม่บดขยี้พวกเจ้า โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว

19.

เขา (สุลัยมาน) ยิ้มแกมหัวเราะต่อคำพูดของมันและกล่าวว่าข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดประทานแกข้าพระองค์เพื่อให้ข้าพระองค์ขอบคุณต่อความโปรดปรานของพระองค์ท่านซึ่งพระองค์ท่านได้ทรงโปรดปรานแก่ข้าพระองค์ และบิดามารดาของข้าพระองค์และให้ข้าพระองค์กระทำความดีเพื่อให้พระองค์ทรงพอพระทัยมันและทรงให้ข้าพระองค์เข้าอยู่ในความเมตตาของพระองค์ในหมู่ปวงบ่าวของพระองค์ที่ดีทั้งหลาย

20.

และเขาได้ตรวจดูฝูงนกแล้วกล่าวขึ้นว่า ทำไมฉันจึงไม่เห็นฮุดฮุด แต่ว่ามันหายไปไหน ?

21.

แน่นอน ฉันจะลงโทษมันด้วยการลงโทษอย่างสาหัสหรือฉันจะฆ่ามันอย่างแน่นอนหรือให้มันนำหลักฐานอันชัดแจ้งมาให้ฉัน

22.

มันหายไปชั่วครู่ (แล้วกลับมา) มันได้กล่าวว่า ฉันได้ไปตรวจพบสิ่งที่ท่านไม่รู้และฉันได้นำข่าวอันแน่นอนจากสะบะ มายังท่าน

23.

ฉันได้พบหญิงคนหนึ่ง ปกครองพวกเขา และนางมีทุกสิ่ง และนางมีบัลลังก์อันใหญ่โต

24.

และฉันได้พบนางและหมู่ชนของนางสักการะบูชาดวงอาทิตย์อื่นจากอัลลอฮ์และมารร้ายชัยตอนได้ทำให้การงานของพวกเขาเป็นของดีงามแก่พวกเขาและได้กีดกันพวกเขาออกจากแนวทางที่ถูกต้องดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง

25.

ทำไมพวกเขาไม่สุญูดต่ออัลลอฮ์ผู้นำออกมาซึ่งสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้าปิดบัง และสิ่งที่พวกเจ้าเปิดเผย

26.

อัลลอฮ์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระเจ้าแห่งบัลลังก์อันยิ่งใหญ่

27.

เขากล่าวว่า เราจะคอยดูว่าเจ้าพูดจริงหรือเจ้าอยู่ในหมู่ผู้กล่าวเท็จ

28.

เจ้าจงนำสารของฉันนี้และส่งมันให้พวกเขา แล้วถอยออกห่างจากพวกเขาดังนั้นจงคอยดูว่าพวกเขาจะตอบกลับมาว่าอย่างไร ?

29.

(พระราชินี) ทรงกล่าวว่า โอ้หมู่บริพารทั้งหลายเอ๋ย !แน่แท้สารอันมีเกียรติถูกนำมาให้ฉัน

30.

แท้จริงมันมาจากสุลัยมาน และแท้จริงมันเริ่มว่า ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ

31.

พวกท่านอย่าเย่อหยิ่งต่อฉัน และจงมาหาฉันอย่างนอบน้อม

32.

พระนางทรงกล่าวว่า โอ้หมู่บริหารทั้งหลายเอ๋ย ! จงให้ข้อชี้ขาดแก่ฉันในเรื่องของฉันฉันไม่อาจจะตัดสินใจในกิจการใด จนกว่าพวกท่านจะอยู่ร่วมด้วย

33.

พวกเขากล่าวว่า เราเป็นพวกที่มีพลังและเป็นพวกที่มีกำลังรบเข็มแข็งสำหรับพระบัญชานั้นเป็นของพระนางดังนั้นพระนางได้โปรดตรึกตรองดูสิ่งใดที่พระนางจะทรงบัญชา

34.

พระนางทรงกล่าวว่า แท้จริงเหล่ากษัตริย์นั้น เมื่อเข้าไปในเมืองใดก็ทำลายมันและทำให้บรรดาผู้มีอำนาจของเมืองนั้นเป็นผู้ต่ำต้อย และเช่นนั้นแหละพวกเขากระทำกัน

35.

และแท้จริงฉันจะส่งของกำนัลไปให้พวกเขา แล้วฉันจะเฝ้าคอยดูว่าผู้ที่ถูกส่งไปนั้นจะกลับมาอย่างไร ?

36.

เมื่อพวกเขาได้เข้าพบสุลัยมานแล้ว เขา (สุลัยมาน) กล่าวว่าพวกท่านจะนำทรัพย์สินมากำนัลแก่เราหรือ ? สิ่งที่อัลลอฮ์ทรงประทานให้แก่ฉันนั้นดียิ่งกว่าสิ่งที่พระองค์ประทานให้แก่พวกท่าน แต่พวกท่านดีใจต่อของกำนัลของพวกท่าน

37.

จงกลับไปยังพวกเขา เพราะแน่นอนเราจะนำไพร่พลไปยังพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่มีกำลังที่จะต่อต้านมันได้ และแน่นอนเราจะให้พวกเขาออกจากที่นั่นอย่างอัปยศ และพวกเขาจะเป็นผู้ต่ำต้อย

38.

เขา (สุลัยมาน) กล่าวว่า โอ้หมู่บริพารทั้งหลายเอ๋ย !ผู้ใดในหมู่พวกท่านจะนำบัลลังก์ของนางมายังฉันก่อนที่พวกเขาจะมาหาฉันอย่างผู้นอบน้อม

39.

ผู้ปรีชาสามารถล้ำเลิศคนหนึ่งของพวกญินได้กล่าวว่า ฉันจะนำมันมาเสนอท่านก่อนที่ท่านจะลุกขึ้นจากที่นั่งของท่านและแท้จริงฉันเป็นผู้มีพลังและไว้วางใจได้ในเรื่องนี้

40.

ผู้ที่มีความรู้ในเรื่องคัมภีร์ กล่าวว่า ฉันจะนำมันมาเสนอท่านชั่วพริบตาเดียวเมื่อเขา (สุลัยมาน) เห็นมันวางมั่นคงอยู่ต่อหน้าเขา เขากล่าวว่านี่เนื่องจากความโปรดปรานของพระเจ้าของฉันเพื่อพระองค์จะได้ทรงทดสอบฉันว่าฉันกตัญญูหรือเนรคุณและผู้ใดกตัญญูแท้จริงเขาก็กตัญญูต่อตัวเขาเองและผู้ใดเนรคุณแท้จริงพระเจ้าของฉันนั้นเป็นผู้ทรงมั่งมีผู้ทรงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ยิ่ง

41.

เขากล่าวว่า พวกท่านจงดัดแปลงบัลลังก์ของพระนางเพื่อดูซิว่าพระนางจะจำมันได้หรือพระนางจะอยู่ในหมู่ผู้จำมันไม่ได้

42.

ครั้นเมื่อพระนางได้มาถึงก็ได้ทูลพระนางว่า บัลลังก์ของพระนางเหมือนอย่างนี้หรือ ?พระนางตรัสว่า มันคล้ายอย่างนี้แหละ และเราได้รับความรู้มาก่อนนางและเราได้เป็นมุสลิมมาก่อนนาง

43.

และการที่นางได้สักการะบูชาอื่นจากอัลลอฮ์ ได้หันห่างนางออกไปแท้จริงนางอยู่ในหมู่ชนผู้ปฏิเสธ

44.

ได้มีเสียงกล่าวแก่นางว่า โปรดเข้าไปในวังเถิด ครั้นเมื่อนางเห็นมันนางคิดว่ามันเป็นสระที่เป็นห้วงน้ำ และนางได้เลิกหน้าแข็งของนาง เขา (สุลัยมาน) กล่าวว่ามันเป็นวังทำให้ราบเรียบด้วยกระจาก นางได้กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของฉันแท้จริงฉันได้อธรรมแก่ตัวฉันเอง และฉันขอนอบน้อมปฏิบัติตามสุลัยมานเพื่ออัลลอฮ์พระเจ้าแห่งสากลโลก

45.

และโดยแน่นอน เราได้ส่งพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือซอและฮ์ ไปยัง (หมู่ชนของ)ษะมูดโดยให้พวกเขาเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์แล้วพวกเขาได้แบ่งออกเป็นสองพวกแล้วโต้เถียงกัน

46.

เขา (ซอและฮ์) กล่าวว่า โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย !ทำไมพวกท่านจึงรีบเร่งหาความชั่วก่อนความดีเล่า ?ทำไมพวกท่านจึงไม่ขออภัยต่ออัลลอฮ์เพื่อพวกท่านจะได้รับความเมตตา

47.

พวกเขากล่าวว่า พวกเราได้ประสบโชคร้ายเพราะท่าน และผู้ที่ร่วมกับท่าน เขา (ซอและฮ์)กล่าวว่า โชคร้ายของพวกท่านอยู่ที่อัลลอฮ์ยิ่งกว่านั้นพวกท่านเป็นหมู่ชนที่ถูกทดสอบ

48.

และในเมืองนั้นมีเก้าคนที่เป็นผู้บ่อนทำลายในแผ่นดินและพวกเขาไม่เป็นผู้ฟื้นฟูการทำดี

49.

พวกเขากล่าวว่า จงร่วมกันสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮ์แน่นอนพวกเราเตรียมที่จะทำร้ายเขาและครอบครัวของเขาในเวลากลางคืนแล้วเราก็จะกล่าวแก่ทายาทของเขาว่าเราไม่รู้เห็นความพินาศของครอบครัวของเขา และแท้จริงเรานั้นเป็นผู้สัตว์จริง

50.

และพวกเขาได้วางแผน และเราก็ได้วางแผนโดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัว

51.

ดังนั้นจงคอยดูเถิด ผลสุดท้ายแห่งแผนการณ์ของพวกเขาจะเป็นเช่นไรกล่าวคือเราได้ทำลายล้างพวกเขา และหมู่ชนของพวกเขารวมทั้งหมด

52.

ดังนั้น นั่นคือบ้านของพวกเขาก็ว่างเปล่า ทั้งนี้เพราะพวกเขาอธรรมแท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน สำหรับหมู่ชนที่รู้

53.

และเราได้ช่วยบรรดาผู้ศรัทธา และพวกเขาเป็นผู้ยำเกรง ให้รอดพ้น

54.

และ (จงรำลึกถึง) ลูฏ เมื่อเขากล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า พวกท่านกระทำการลามกทั้งๆที่พวกท่านรู้เห็นอยู่กระนั้นหรือ ?

55.

แท้จริงพวกท่านสมสู่พวกผู้ชายด้วยตัณหา แทนพวกผู้หญิงกระนั้นหรือ ?ยิ่งกว่านั้นพวกท่านเป็นหมู่ชนที่โง่เขลา

56.

ดังนั้น คำตอบของหมู่ชนของเขาไม่เป็นอย่างอื่น นอกจากกล่าวว่าจงให้ตระกูลของลูฏออกจากหมู่บ้านของพวกท่าน แท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้บริสุทธิ์

57.

แล้วเราได้ช่วยเขาและบริวารของเขาให้รอดพ้น เว้นแต่ภรรยาของเขาเราได้กำหนดให้นางอยู่ในหมู่ผู้ถูกทำลาย

58.

และเราได้ให้ห่าฝน ตกลงมาบนพวกเขาดังนั้นฝนของบรรดาผู้ถูกตักเตือนมันชั่วช้าเสียนี่กระไร

59.

จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) บรรดาการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮ์และความศานติจงมีแด่ปวงบ่าวของพระองค์ ผู้ซึ่งพระองค์ทรงคัดเลือกแล้วอัลลอฮ์ดีกว่าหรือสิ่งที่พวกเขาตั้งเป็นภาคี (เจว็ด)

60.

หรือผู้ใดเล่าที่สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทรงหลั่งน้ำจากฟากฟ้าแก่พวกเจ้าแล้วเราได้ให้สวนต่าง ๆ งอกเงยอย่างสวยงามพวกเจ้าก็ไม่สามารถที่จะทำให้ต้นไม้งอกเงยขึ้นมาได้จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮ์อีกหรือ? เปล่าดอก! พวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ตั้งภาคี

61.

หรือผู้ใดเล่าที่ทำให้แผ่นดินเป็นที่พำนักและทรงให้มีลำน้ำหลายสายไหลระหว่างมันและทรงทำให้ภูเขายึดมั่นสำหรับมัน และทรงทำให้มีที่กั้นระหว่างน่านน้ำทั้งสองจะมีพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับอัลลอฮ์อีกหรือ เปล่าดอก ! ส่วนมากของพวกเขาไม่รู้

62.

หรือผู้ใดเล่าจะตอบรับผู้ร้องทุกข์ เมื่อเขาวิงวอนขอต่อพระองค์และทรงปลดเปลื้องความชั่วร้ายนั้น และทรงทำให้พวกเจ้า เป็นผู้ปกครองแผ่นดินจะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮ์อีกหรือ ? ส่วนน้อยเท่านั้นที่พวกเจ้าจะใคร่ครวญ

63.

หรือผู้ใดเล่าจะชี้แนะทางแก่พวกเจ้าในความมืดทึบของแผ่นดินและน่านน้ำและผู้ใดทรงส่งลมแจ้งข่าวดี ท่ามกลางความเมตตาของพระองค์จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮ์อีกหรือ ?อัลลอฮ์ทรงสูงส่งเหนือสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี

64.

หรือผู้ใดเล่าจะเริ่มในการสร้าง แล้วทรงให้มันเกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งและผู้ใดทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า จากฟากฟ้าและแผ่นดินจะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮ์อีกหรือ? จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด)จงนำหลักฐานของพวกท่านมา หากพวกท่านเป็นผู้สัตย์จริง

65.

จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด)ไม่มีผู้ใดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินจะรู้ในสิ่งพ้นญาณวิสัย นอกจากอัลลอฮ์และพวกเขาจะไม่รู้ว่า เมื่อใดพวกเขาจะถูกให้ฟื้นคืนชีพ

66.

แต่ว่าความรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับปรโลกนั้น ได้ถึงที่สุดแล้วหรือ ? ทั้ง ๆที่พวกเขาอยู่ในการสงสัยในเรื่องของมันยิ่งกว่านั้นพวกเขายังตาบอดต่อเรื่องนั้นอีกด้วย

67.

บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธากล่าวกันว่าในเมื่อเราและบรรพบุรุษของเราเป็นดินแล้วจะให้ถูกออกมาอีกอย่างแน่นอนกระนั้นหรือ ?

68.

โดยแน่นอน เราได้ถูกสัญญาในเรื่องนี้มาก่อน ทั้งเราและบรรพบุรุษของเราเรื่องนี้มิใช่อะไรอื่น นอกจากเป็นนิทานโกหกสมัยก่อน ๆ

69.

จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) พวกท่านจงท่องเที่ยวไปในแผ่นดินแล้วจงดูว่าผลสุดท้ายของผู้กระทำผิดนั้นเป็นอย่างไร

70.

และเจ้าอย่าเศร้าโศกต่อพวกเขา และเจ้าอย่าคับใจ ในสิ่งที่พวกเขาวางแผนอุบาย

71.

และพวกเขากล่าวว่า เมื่อใดเล่าสัญญานี้ (จะมาถึง) หากพวกท่านสัตว์จริง

72.

จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) หวังว่าบางอย่างที่พวกท่านรีบเร่ง (ให้มันเกิดขึ้น) นั้นกำลังตามหลังใกล้พวกท่านเข้ามาแล้ว

73.

และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น แน่นอนพระองค์ทรงเป็นผู้โปรดปรานต่อปวงมนุษย์แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ขอบคุณ

74.

และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้นแน่นอนพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่หัวอกของพวกเขาปกปิดอยู่และสิ่งที่พวกเขาเปิดเผย

75.

และไม่มีสิ่งใดจะซ่อนเร้นทั้งในชั้นฟ้าและแผ่นดินเว้นแต่ว่ามันอยู่ในบันทึกอันชัดแจ้ง

76.

แท้จริงอัลกุรอานนี้จะบอกเล่าแก่วงศ์วานของอิสรออีล ส่วนมากซึ่งพวกเขาขัดแย้งกัน

77.

และแท้จริงมัน (อัลกุรอาน) เป็นแนวทางที่ถูกต้องและความเมตตา แก่บรรดาผู้ศรัทธา

78.

แท้จริงพระเจ้าของเจ้าจะทรงตัดสินระหว่างพวกเขา ด้วยข้อวินิจฉัย (ที่ยุติธรรม)ของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้

79.

ดังนั้น เจ้าจงมอบหมายต่ออัลลอฮ์ แท้จริง เจ้านั้นอยู่บนสัจธรรมอันชัดแจ้ง

80.

แท้จริงเจ้าจะไม่ทำให้คนตายได้ยินและจะไม่ทำให้คนหูหนวกได้ยินการเรียกร้องเชิญชวนเมื่อพวกเขาหันหลังกลับ

81.

และเจ้ามิได้เป็นผู้ชี้แนะแนวทางแก่คนตาบอด ให้ออกจากความหลงผิดของพวกเขาเจ้าจะไม่ทำให้ผู้ใดได้ยินนอกจากผู้ศรัทธาต่อโองการต่าง ๆ ของเราโดยที่พวกเขาเป็นผู้นอบน้อม

82.

และเมื่อพระดำรัสเกิดขึ้นแก่พวกเขา เราได้ให้สัตว์ออกมาจากแผ่นดินแก่พวกเขาเพื่อกล่าวแก่พวกเขาว่าแท้จริงปวงมนุษย์นั้นไม่ยอมเชื่อมั่นต่อโองการทั้งหลายของเรา

83.

และ (จงรำลึกถึง) วันที่เราจะเรียกจากทุก ๆ ชาติ มาชุมนุมกันเป็นหมู่คณะจากผู้ที่ปฏิเสธโองการทั้งหลายของเราโดยที่พวกเขาจะถูกจัดเป็นกลุ่ม ๆ

84.

จนกระทั่งเมื่อพวกเขาได้มาถึง พระองค์ตรัสว่าพวกเจ้าได้ปฏิเสธโองการทั้งหลายของเรากระนั้นหรือ ?โดยที่พวกเจ้ามิได้รอบรู้มันเลยหรือว่าอะไรเล่าที่พวกเจ้ากระทำไป ?

85.

และหลักฐานได้ปรากฏขึ้นแก่พวกเขาเนื่องจากพวกเขาได้อธรรม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้

86.

พวกเขามิได้พิจารณาดูหรือว่า แท้จริงเราได้ให้กลางคืนไว้สำหรับพวกเขาได้พักผ่อนและกลางวันให้เห็นแสงสว่างแท้จริงในการนั้นย่อมเป็นสัญญาณมากหลายสำหรับหมู่ชนผู้ศรัทธา

87.

และ (จงรำลึกถึง) วันที่สังข์จะถูกเป่าขึ้นดังนั้นผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและผู้ที่อยู่ในแผ่นดินจะตื่นตระหนกเว้นแต่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทั้งหมดได้มาหาพระองค์ในสภาพผู้ถ่อมตน

88.

และเจ้าจะเห็นขุนเขาทั้งหลาย เจ้าจะเกิดว่ามันติดแน่นอยู่กับที่แต่มันล่องลอยไปเช่นการล่อลอยของเมฆ (นั่นคือ)การงานของอัลลอฮ์ซึ่งพระองค์ทรงทำทุกสิ่งอย่างเรียบร้อยแท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงตระหนักในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ

89.

ผู้ใดนำมาซึ่งความดี เขาจะได้รับความดีมากกว่านั้น และในวันนั้นพวกเขาจะเป็นผู้ปลอดภัยจากการตื่นตระหนก

90.

และผู้ใดนำมาซึ่งความชั่ว ใบหน้าของพวกเขาจะถูกโยนกลิ้งลงไปในไฟนรกพวกเจ้าจะไม่ถูกตอบแทน นอกจากสิ่งที่พวกเจ้าได้ปฏิบัติเอาไว้

91.

(จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด) แท้จริงฉันได้รับบัญชาว่า จงเคารพภักดีพระเจ้าแห่งเมืองนี้ซึ่งพระองค์ทรงทำให้มันเป็นที่ต้องห้ามและทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิทธิของพระองค์ และฉันได้รับบัญชาให้อยู่ในหมู่ผู้นอบน้อม

92.

และฉันได้รับพระบัญชาให้อ่านอัลกุรอานดังนั้นผู้ใดได้ตามแนวทางที่ถูกต้องแท้จริงเขาก็จะดำเนินตามแนวทางที่ถูกต้องเพื่อตัวของเขาเองและผู้ใดหลงผิดก็จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) แท้จริงฉันเป็นเพียงผู้หนึ่งในหมู่ผู้ตักเตือน

93.

และจงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์พระองค์จะทรงให้พวกเจ้าเห็นสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ แล้วพวกเจ้าก็จะรู้จักกันและพระเจ้าของเจ้ามิได้เป็นผู้ทรงเพิกเฉย ต่อสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ