23. อัลมุอ์มินูน

1.

แน่นอนบรรดาผู้ศรัทธาได้ประสบความสำเร็จแล้ว

2.

บรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้นอบน้อมถ่อมตนในเวลาละหมาดของพวกเขา

3.

และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้ผินหลังให้จากเรื่องไร้สาระต่าง ๆ

4.

และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้บริจาคซะกาต

5.

และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้รักษา (ไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ของ) ทวารของพวกเขา

6.

เว้นแต่แก่บรรดาภรรยาของพวกเขา หรือที่มือขวาของพวกเขาครอบครอง (คือทาสี)ในกรณีเช่นนั้นพวกเขาจะไม่ถูกตำหนิ

7.

ฉะนั้นผู้ใดแสวงหาอื่นจากนั้น ชนเหล่านั้นพวกเขาก็เป็นผู้ละเมิด

8.

และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้เอาใจใส่ต่อสิ่งที่ได้รับมอบหมายของพวกเขาและสัญญาของพวกเขา

9.

และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้รักษาการละหมาดของพวกเขา

10.

ชนเหล่านี้แหละพวกเขาเป็นทายาท

11.

ซึ่งพวกเขา จะได้รับมรดกสวนสวรรค์ชั้นฟริเดาส์ พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล

12.

และขอสาบานว่า แน่นอนเราได้สร้างมนุษย์มาจากธาตุแท้ของดิน

13.

แล้วเราทำให้เขาเป็นเชื้ออสุจิ อยู่ในที่พักอันมั่นคง (คือมดลูก)

14.

แล้วเราได้ทำให้เชื้ออสุจิกลายเป็นก้อนเลือดแล้วเราได้ทำให้ก้อนเลือดกลายเป็นก้อนเนื้อแล้วเราได้ทำให้ก้อนเนื้อกลายเป็นกระดูกแล้วเราหุ้มกระดูกนั้นด้วยเนื้อ แล้วเราได้เป่าวิญญาณให้เขากลายเป็นอีกรูปร่างหนึ่งดังนั้นอัลลอฮ์ทรงจำเริญยิ่ง ผู้ทรงเลิศแห่งปวงผู้สร้าง

15.

หลังจากนั้น แท้จริงพวกเจ้าต้องตายอย่างแน่นอน

16.

แล้ว แท้จริงพวกเจ้าจะถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้น ในวันกิยามะฮ์

17.

และแน่นอนยิ่งเราได้สร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ดไว้เบื้องบนพวกเจ้า และเรามิได้เพิกเฉยทอดทิ้งระบบการสร้าง

18.

และเราได้หลั่งน้ำให้ลงมาจากฟากฟ้าตามปริมาณ แล้วเราได้ให้มันขังอยู่ในแผ่นดินและแท้จริงเราเป็นผู้สามารถอย่างแน่นอนที่จะให้มันเหือดหายไป

19.

และด้วยน้ำนั้นเราทำให้มันเป็นสวนหลากหลายแก่พวกเจ้ามีต้นอินทผลัมและต้นองุ่นสำหรับพวกเจ้าในสวนนั้นมีผลไม้มากมาย และส่วนหนึ่งพวกเจ้าก็บริโภคมัน

20.

และเราได้ทำให้มันเป็นต้นไม้ (ไซตูน)ที่ภูเขาซีนายซึ่งมันได้ผลิตออกมาเป็นน้ำมันและน้ำแกง สำหรับผู้บริโภค

21.

และแท้จริงในเรื่องปศุสัตว์ (อูฐ วัว แพะ แกะ) นั้นเป็นบทเรียนสำหรับพวกเจ้าเราให้พวกเจ้าดื่ม สิ่งที่อยู่ในท้องของมัน (น้ำนม) และในตัวมันมีประโยชน์มากมายสำหรับพวกเจ้าและบางชนิดพวกเจ้าก็บริโภคมัน

22.

และพวกเจ้าได้บรรทุกบนหลังมัน เช่น เดียวกับใช้บรรทุกบนเรือ

23.

และเป็นที่แน่นอนยิ่ง เราได้ส่งนูห์ ไปยังหมู่ชนของเขา ดังนั้นเขาได้กล่าวว่าโอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย พวกท่านจงเคารพภักดีอัลลฮ์เถิดสำหรับพวกท่านนั้นไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ดังนั้นพวกท่านจะไม่ยำเกรง (การลงโทษของพระองค์) หรือ?

24.

แล้วหัวหน้าของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่ชนของเขาได้กล่าวขึ้นว่าเขาผู้ที่มิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นปุถุชนคนธรรมดาเช่นเดียวกับพวกท่านเพียงแต่เขาต้องการที่จะทำตัวให้ดีเด่นเหนือพวกท่านและหากอัลลอฮ์ ทรงประสงค์แล้ว แน่นอนพระองค์จะทรงส่งมลาอิกะฮ์ลงมาเราไม่เคยได้ยินคำพูดเช่นนี้ในสมัยบรรพบุรุษของเราแต่กาลก่อนเลย

25.

เขามิได้เป็นอะไรนอกจากเป็นคนบ้า ดังนั้นพวกท่านจงอดทนคอยเขาสักระยะเวลาหนึ่ง

26.

นูห์ ได้กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยเหลือข้าพระองค์ด้วย เพราะพวกเขาปฏิเสธไม่ยอมเชื่อข้าพระองค์

27.

ดังนั้น เราจึงวะฮีย์แก่เขาให้ต่อเรือภายใต้การคุ้มครองของเราและคำสั่งสอนของเราและเมื่อคำบัญชาของเราได้มาถึงน้ำในเตาก็จะเดือดพุ่งเจ้าจงบรรทุกทุกชนิดของสัตว์เป็นคู่ๆ และครอบครัวของเจ้าด้วย นอกจากผู้ที่คำดำรัสได้บันทึกไว้ก่อนแล้ว (ให้หายนะ)ในหมู่พวกเขา (ที่ไม่ยอมศรัทธา) และเจ้าอย่าได้ขอช่วยเหลือเขา ในบรรดาผู้ที่อธรรมแท้จริงพวกเขาจะถูกให้จมน้ำตาย

28.

ครั้นเมื่อเจ้า และผู้ที่อยู่ร่วมกับเจ้าได้ขึ้นไปอยู่บนเรือแล้ว ก็จงกล่าวเถิดว่าบรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์ ผู้ซึ่งทรงให้เรารอดพ้นจากหมู่ชนผู้อธรรม

29.

และจงกล่าวเถิดว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ขอพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์ลงจากเรือด้วยการลงที่มีความจำเริญและพระองค์เท่านั้นเป็นผู้เลิศยิ่งแห่งบรรดาผู้ให้ลงจากเรือ

30.

แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นสัญญาณข้อเตือนสติมากหลายและถึงแม้ว่าเราเป็นผู้ทดสอบปวงบ่าวของเรา

31.

แล้วหลังจากพวกเขา เราได้บังเกิดชนอีกกลุ่มหนึ่ง (พวกอ๊าด)

32.

ดังนั้นเราได้ส่งร่อซู้ลคนหนึ่ง (ฮูด) ของพวกเขาไปยังพวกเขา โดยกล่าวว่าพวกท่านจงเคารพภักดีอัลลอฮ์เถิด สำหับพวกท่านนั้นไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ดังนั้นพวกท่านจะไม่ยำเกรง (การลงโทษของ) พระองค์หรือ ?

33.

และหัวหน้าหมู่ชนของเขา คือบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา และปฏิเสธไม่ยอมเชื่อการมีวันปรโลกและเราได้ให้ความสำราญแก่พวกเขาในโลกนี้ กล่าวว่า เขาผู้นี้มิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นปุถุชนคนธรรมดาเช่นเดียวกับพวกท่านเขากินอาหารเช่นเดียวกับที่พวกท่านกินและเขาดื่มเช่นเดียวกับพวกท่านดื่ม

34.

และหากพวกท่านเชื่อฟังปฏิบัติตามมนุษย์ธรรมดาเช่นเดียวกับพวกท่านดังนั้นแน่นอนพวกท่านเป็นผู้ขาดทุน

35.

เขาสัญญากับพวกท่านกระนั้นหรือว่าแท้จริงเมื่อพวกท่านได้ตายไปแล้วและพวกท่านกลายเป็นดิน และกระดูกแล้ว แน่นอนพวกท่านจะถูกนำให้ออกมาฟื้นขึ้นอีก ?

36.

ไกลเสียจริง ไกลเสียจริง ในสิ่งที่พวกท่านถูกสัญญาไว้

37.

ไม่มีชีวิต นอกจากการดำรงชีวิตของเราในโลกนี้ เราจะตายไป และ (บางคนในพวก)เราก็จะมีชีวิตอยู่ และพวกเราจะไม่ถูกให้ฟื้นคืนชีพมาอีก

38.

เขามิใช่ใครอื่น นอกจากเป็นคนธรรมดาที่กล่าวเท็จต่ออัลลอฮ์และเราไม่ยอมศรัทธาต่อเขาเป็นอันขาด

39.

เขา (ฮูด) กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยเหลือข้าพระองค์ด้วย เพราะพวกเขาปฏิเสธไม่ยอมเชื่อข้าพระองค์

40.

พระองค์ ตรัสว่าหลังจากชั่วเวลาอีกเล็กน้อยพวกเขาจะกลายเป็นผู้เศร้าโศกเสียใจอย่างแน่นอน

41.

ดังนั้นเสียงงกัมปนาทได้ผลาญชีวิตพวกเขาอย่างยุติธรรมแล้วเราได้ทำให้พวกเขากลายเป็นเศษขยะ ฉะนั้น (ความหายนะ) ความห่างไกล(จากเมตตาของอัลลอฮ์) จึงประสบแก่หมู่ชนผู้อธรรม

42.

แล้วหลังจากพวกเขา เราได้บังเกิดหมู่ชนอีกหลายกลุ่ม

43.

ไม่มีประชาชาติใดที่จะได้รับการลงโทษก่อนกำหนดของมันและก็จะไม่ล่าช้ากว่ากำหนดเช่นกัน

44.

แล้วเราได้ส่งบรรดาร่อซู้ลของเรามาอย่างต่อเนื่องกันทุกครั้งที่ร่อซู้ลของพวกเขาได้มายังชนชาติหนึ่งพวกเขาก็ปฏิเสธไม่ยอมเชื่อถือเขาดังนั้นเราจึงให้บางกลุ่มของพวกเขาติดตามอีกบางกลุ่ม (ด้วยความหายนะพินาศ)แล้วเราด้ทำให้พวกเขาเป็นเรื่องบอกเล่าต่อกันมา ฉะนั้น (ความหายนะ) ความห่างไกล(จากเมตตาของอัลลอฮ์) จึงประสบแก่บรรดาผู้ไม่ยอมศรัทธา

45.

แล้วเราได้ส่งมูซา และพี่ชายของเขาคือฮารูน พร้อมด้วยสัญญาณทั้งหลายของเราและหลักฐานอันชัดแจ้ง

46.

ไปยังฟิรเอาน์ และบุคคลชั้นหัวหน้าของเขา แต่พวกเขาก็อวดใหญ่อวดโตและพวกเขาเป็นหมู่ชนที่เย่อหยิ่งจองหอง

47.

พวกเขากล่าวว่า จะให้พวกเราศรัทธาต่อบุคคลทั้งสองที่มีสภาพเช่นเดียวกับเราและทั้ง ๆที่พวกพ้องของเขาทั้งสองก็เป็นทาสรับใช้เรา

48.

ฉะนั้นพวกเขาจึงปฏิเสธไม่ยอมเชื่อฟังเขาทั้งสองพวกเขาจึงอยู่ในหมู่ผู้ถูกทำลายจมน้ำตาย

49.

และแท้จริงเราได้ให้คัมภีร์ (เตารอฮ์) แก่มูซาเพื่อพวกเขาจะได้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง

50.

และเราได้ทำให้อีซาบุตรของมัรยัม และแม่ของเขาเป็นสัญญาณหนึ่ง(ปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่) และเราได้ให้ที่พักพิงแก่เขาทั้งสอง ณ ที่ราบสูงแห่งหนึ่ง(บัยตุลมักดิส) เป็นที่พักอย่างสะดวกสบาย และมีธารน้ำไหล

51.

โอ้ บรรดาร่อซู้ลเอ๋ย ! พวกเจ้าจงบริโภคส่วนที่ดี (ฮะล้าล)และจงกระทำความดีเถิดเพราะแท้จริง ข้ารอบรู้สิ่งพวกเจ้ากระทำ

52.

แท้จริงนี่คือประชาชาติของพวกเจ้า เป็นประชาชาติเดียวกันและข้าคือพระเจ้าของพวกเจ้าฉะนั้นพวกเจ้าจงยำเกรงต่อข้า

53.

พวกเขาได้แตกแยกกันในเรื่องของพวกเขา ระหว่างพวกเขากันเองแต่ละฝ่ายก็พอใจในสิ่งที่ตนเองยึดถือ

54.

ดังนั้นเจ้า (มุฮัมมัด) จงปล่อยพวกเขาให้อยู่ในความงมงายของพวกเขา สักระยะเวลาหนึ่ง

55.

พวกเขาคิดหรือว่า แท้จริงสิ่งที่เราได้ให้แก่พวกเขา เช่น ทรัพย์สมบัติและลูกหลานนั้น

56.

เราได้รีบเร่งให้ความดีต่าง ๆ แก่พวกเขากระนั้นหรือ ? เปล่าเลยแต่ทว่าพวกเขาไม่มีความรู้สึกหรือ

57.

แท้จริงบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้มีจิตใจยำเกรงเนื่องจากความกลัวต่อพระเจ้าของพวกเขา

58.

และบรรดาผู้ที่พวกเขาศรัทธาต่อสัญญาณต่าง ๆ แห่งพระเจ้าของพวกเขา

59.

และบรรดาผู้ที่พวกเขาไม่ตั้งภาคีต่อพระเจ้าของพวกเขา

60.

และบรรดาผู้ที่บริจาคสิ่งที่พวกเขาได้มาโดยที่จิตใจของเขาเปี่ยมได้ด้วยความหวั่นเกรงว่าแท้จริงพวกเขาต้องกลับไปหาพระเจ้าของพวกเขา

61.

ชนเหล่านั้น พวกเขารีบเร่งในการประกอบความดีทั้งหลาย และพวกเขาเป็นผู้เหมาะสมสมควรเป็นผู้รุดหน้าไปก่อน

62.

และเรามิได้บังคับผู้ใด เว้นแต่ความสามารถของเขา และ ณ ที่เรานั้นมีบันทึกที่บันทึกแต่ความจริง โดยที่พวกเขาจะไม่ถูกอยุติธรรม

63.

แต่ว่าจิตใจของพวกเขาอยู่ในปลักแห่งความงมงายจากอัลกุรอานและสำหรับพวกเขามีการงานอื่นอีกจากนั้น โดยที่พวกเขาต้องปฏิบัติมัน

64.

จนกระทั่งเมื่อเราได้คร่าเอาชีวิตพวกที่อยู่ในความสุขสำราญของพวกเขาด้วยการลงโทษเมื่อนั้นพวกเขาก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ

65.

พวกเจ้าอย่าได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือเลยในวันนี้แท้จริงพวกเจ้าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเราดอก

66.

แน่นอนโองการทั้งหลายของเราถูกนำมาอ่านแก่พวกเจ้าแล้วพวกเจ้าก็หันสันเท้าของพวกเจ้ากลับ

67.

พวกเขาหยิ่งจองหองต่ออัลกุรอาน พวกเจ้าจับกลุ่มสนทนากันในเวลากลางคืน

68.

พวกเขามิได้พิจารณา พระดำรัสดอกหรือ ? หรือว่าได้มีมายังพวกเขาสิ่งที่มิได้มีมายังบรรพบุรุษของพวกเขารุ่นก่อน ๆ

69.

หรือว่าพวกเขาไม่รู้จักร่อซู้ลของพวกเขาดังนั้นพวกเขาจึงปฏิเสธต่อต้านเขา

70.

หรือพวกเขากล่าวหาเขาว่าเป็นบ้า มิใช่เช่นนั้นดอก เขาได้นำความจริงมาให้พวกเขาแล้วแต่ส่วนมากของพวกเขาเป็นผู้เกลียดชังความจริง

71.

และหากว่าความจริงนั้นสอดคล้องอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขาแล้ว ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในนั้นต้องเสียหายอย่างแน่นอนแต่ทว่าเราได้นำข้อเตือนสติของพวกเขา (คืออัลกุรอาน) มาให้พวกเขาแล้วแต่พวกเขาเป็นผู้หันหลังให้กับข้อเตือนสติของพวกเขา

72.

หรือเจ้าขอค่าจ้าง (ในการเผยแพร่ศาสนา) จากพวกเขากระนั้นหรือ?แต่การให้ค่าจ้างของพระเจ้าของเจ้านั้นเลิศยิ่งกว่าและพระองค์เท่านั้นทรงเป็นเลิศยิ่งในหมู่ผู้ประทานปัจจัยยังชีพ

73.

และแท้จริงเจ้านั้นเป็นพวกชักชวนพวกเขาอย่างแน่นอนไปสู่แนวทางอันเที่ยงธรรม

74.

และแท้จริงบรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อวันปรโลกนั้นพวกเขาเป็นผู้หันห่างจากแนวทางอันเที่ยงธรรม

75.

และหากเราเมตตาพวกเขา และเราได้ปลดเปลื้องความทุกข์ยากออกจากพวกเขาแล้วแน่นอนพวกเขาก็ยังคงมั่วสุมอยู่ในความผยองของพงกเขาเช่นเดียวกับคนตาบอด

76.

และโดยแน่แท้เราได้ทดสอบพวกเขาด้วยการลงโทษแต่พวกเขาก็หาได้นอบน้อมต่อพระเจ้าของพวกเขาไม่ และพวกเขาก็ไม่ยอมถ่อมตน

77.

จนกระทั่งเมื่อเราเปิดประตูแห่งการลงโทษอันสาหัสแก่พวกเขาเมื่อนั้นแหละพวกเขาก็เป็นผู้ท้อถอยหมดหวังเสียแล้ว

78.

และพระองค์เป็นผู้สร้างสัมผัสการฟังและการเห็น และหัวใจเพื่อเข้าใจแก่พวกเจ้าแต่เเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่พวกเจ้าขอบคุณ

79.

และพระองค์เป็นผู้ทรงแพร่พันธุ์ของพวกเจ้าในแผ่นดินและพวกเจ้าจะถูกรวบรวมให้กลับไปหาพระองค์

80.

และพระองค์เป็นผู้ทรงให้เป็นและทรงให้ตายและพระองค์ทรงสิทธิในการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกลางคืนกลางวันพวกเจ้ามิได้ใช้สติปัญญาพิจารณาดอกหรือ?

81.

แต่ทว่าพวกเขาได้กล่าวเช่นเดียวกับชนชาติสมัยก่อน ๆ ได้กล่าวไว้

82.

พวกเขาได้กล่าวว่า เมื่อเราได้ตายไปแล้วและเราได้กลายเป็นฝุ่นดินและกระดูกป่นเราาาจะถูกให้ฟื้นคืนชีพครั้งหนึ่งหรือ ?

83.

แท้จริงเราและบรรพบะรุษของเราได้ถูกสัญญามาก่อนแล้วในเรื่องนี้มันมิใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นนิยายเหลวไหล สมัยก่อนเท่านั้น

84.

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด แผ่นดินนี้ และผู้ที่อยู่ในนั้นเป็นของใคร หากพวกท่านรู้

85.

พวกเขาจะกล่าวว่า มันเป็นของอัลลอฮ์ จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ถ้าเช่นนั้นพวกท่านจะไม่พิจารณาใคร่ครวญหรือ ?

86.

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ใครเป็นเจ้าของชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและเป็นผู้สร้างบัลลังก์อันยิ่งใหญ่ ?

87.

พวกเขาจะกล่าวว่า มันเป็นของอัลลอฮ์ จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดถ้าเช่นนั้นพวกท่านจะไม่ยำเกรง (การลงโทษของ) พระองค์หรือ ?

88.

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด อำนาจอันกว้างใหญ่ไพศาลทุกสิ่งอย่างนี้อยู่ในพระหัตถ์ของผู้ใด? และพระองค์เป็นผู้ทรงปกป้องคุ้มครอง และจะไม่มีใครปกป้องคุ้มครองพระองค์หากพวกท่านรู้

89.

พวกเขาจะกล่าวว่า มันเป็นของอัลลอฮ์ จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดดังนั้นพวกท่านถูกหลอกลวงได่อย่างไร ?

90.

แต่ทว่า เราได้นำเอาสัจธรรมมาให้แก่พวกเขาแล้วและแท้จริงพวกเขาเป็นผู้กล่าวเท็จอย่างแน่นอน

91.

อัลลอฮ์มิได้ทรงตั้งผู้ใดเป็นพระบุตรและไม่มีพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับพระองค์ถ้าเช่นนั้นพระเจ้าแต่ละองค์ก็จะเอาสิ่งที่ตนสร้างไปเสียหมดและแน่นอนพระเจ้าบางพระองค์ในหมู่พวกเขาก็จะมีอำนาจเหนือกว่าอีกบางองค์มหาบริสุทธิ์ยิ่งแห่งอัลลอฮ์ ให้พ้นจากที่พวกเขากล่าวหา

92.

พระผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งพ้นญาณวิสัยและสิ่งที่มองเห็นได้พระองค์ทรงสูงส่งยิ่งจากสิ่งที่พวกเขาตั้งเป็นภาคี

93.

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์หากพระองค์จะทรงให้ข้าพระองค์ได้เห็นสิ่งที่พวกเขาถูกกล่าวเตือนสำทับไว้แล้ว

94.

ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ของพระองค์ทรงอย่าให้ข้าพระองค์อยู่ในหมู่พวกอธรรมเลย

95.

และแท้จริงเราเป็นผู้มีอานุภาพอย่างแน่นอนที่จะให้เจ้าได้เห็นสิ่งที่เราได้สัญญาพวกเขาไว้

96.

เจ้าจงปราบความชั่ว ด้วยสิ่งที่ดียิ่ง เรารู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเขากล่าวหา

97.

และจงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์ ให้พ้นจากเสียงกระซิบกระซาบของชัยตอน

98.

และข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์ ข้าแต่พระองค์ของข้าพระองค์ให้พ้นจากการที่พวกมันจะนำความชั่วร้ายมาสู่ข้าพระองค์

99.

จนกระทั่งเมื่อความตายได้มาหาคนใดในพวกเขา เขาก็จะกล่าวขึ้นว่าข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ขอพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์กลับไปมีชีวิตอีกครั้งหนึ่งเถิด

100.

เพื่อข้าพระองค์จะได้กระทำความดีในสิ่งที่ข้าพระองค์ปล่อยทิ้งไว้ เปล่าเลย !มันเป็นเพียงถ้อยคำที่เขากล่าวมันไว้เท่านั้นและเบื้องหน้าของพวกเขานั้นมีโลกบัรซัคจนกระทั่งถึงวันที่พวกเขาจะถูกฟื้นคืนชีพขึ้นมา

101.

ดังนั้นเมื่อสังข์ได้ถูกเป่าขึ้นดังนั้นจะไม่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติระหว่างพวกเขาในวันนั้นและพวกเขาจะไม่ไต่ถามซึ่งกันและกัน

102.

ดังนั้นผู้ใดตราชูของเขาหนัก ชนเหล่านั้น พวกเขาเป็นผู้ประสบชัยชนะ

103.

และผู้ใดตราชูของเบา ชนเหล่านั้นคือบรรดาผู้ที่ทำให้ตัวของพวกเขาขาดทุนพวกเขาจะพำนักอยู่ในนรกตลอดกาล

104.

ไฟนรกจะเผาไหม้ใบหน้าของพวกเขา และพวกเขาจะมีใบหน้าที่บูดเบี้ยวในนรกนั้น

105.

โองการทั้งหลายของเรามิได้ถูกนำมาอ่านแก่พวกเจ้าดอกหรือแล้วพวกเจ้าก็ปฏิเสธไม่ยอมเชื่อมัน

106.

พวกเขากล่าวว่าข้าแต่พระเจ้าของเราความชั่วช้าเลวทรามของพวกเราได้เข้ามาครอบงำพวกเราและพวกเราเป็นหมู่ชนหลงทาง

107.

ข้าแต่พระเจ้าของเรา ขอพระองค์ทรงโปรดเอาพวกเราออกจากนรกด้วยเถิดถ้าหากเรากลับไปทำความชั่วช้าอีก แน่นอนเราก็เป็นพวกอธรรม

108.

พระองค์ ตรัสว่า พวกเจ้าจงตะเพิดไปจมอยู่ในนั้นเถิดและพวกเจ้าอย่าได้มาพูดกับข้าเลย

109.

แท้จริงมีหมู่ชนกลุ่มหนึ่งจากปวงบ่าวของเรา พวกเขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเราพวกเราได้ศรัทธาต่อพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยโทษให้แก่เรา และทรงเมตตาต่อเราด้วยและพระองค์ท่านเท่านั้น ทรงเป็นผู้เมตตาที่ดียิ่ง

110.

พวกเจ้าได้ดูถูกเหยียดหยามพวกเขา จนกระทั่ง (การกระทำเช่นนั้นแก่พวกเขา)ทำให้พวกเจ้าลืมนึกถึงข้า และพวกเจ้าก็หัวเราะเยาะเย้ยพวกเขา

111.

แท้จริงข้าได้ตอบแทนรางวัลให้แก่พวกเขาแล้วในวันนี้ เพราะพวกเขาอดทนแท้จริงพวกเขาเท่านั้นเป็นผู้ได้รับชัยชนะ

112.

พระองค์ตรัสว่า พวกเจ้าพำนักอยู่ในแผ่นดินเป็นจำนวนกี่ปี ?

113.

พวกเขากล่าวตอบว่า เราพำนักอยู่วันหนึ่งหรือส่วนหนึ่งของวันขอพระองค์โปรดถามนักคำนวณที่เชี่ยวชาญเถิด

114.

พระองค์ตรัสว่า พวกเจ้ามิได้พำนักอยู่เว้นแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากพวกเจ้ารู้

115.

พวกเจ้าคิดว่า แท้จริงเราได้ให้พวกเจ้าบังเกิดมาโดยไร้ประโยชน์และแท้จริงพวกเจ้าจะไม่กลับไปหาเรากระนั้นหรือ ?

116.

อัลลอฮ์ผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงสัจจะ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์พระเจ้าแห่งบัลลังก์อันทรงเกียรติ

117.

และผู้ใดวิงวอนขอพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮ์โดยไม่มีหลักฐานพิสูจน์แก่เขาในการนี้แท้จริงการคิดบัญชีของเขาอยู่ที่พระเจ้าของเขาแท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะไม่ประสบความสำเร็จ

118.

และจงกล่าวเถิดมุฮัมมัดว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยและทรงเมตตา และพระองค์ท่านเท่านั้นทรงเป็นผู้เมตตาที่ดียิ่ง