21. อัลอัมบิยาอ

1.

เวลาแห่งการคิดบัญชีของมนุษย์ได้ใกล้เขามาแล้ว โดยที่พวกเขาอยู่ในสภาพหลงลืมเป็นผู้ผินหลังให้

2.

ไม่มีข้อตักเตือนใหม่ ๆ จากพระเจ้าของเขามายังพวกเขาเว้นแต่ว่าพวกเขารับฟังมันและพวกเขาล้อเล่นไปด้วย

3.

จิตใจของพวกเขาเผลอเรอ และบรรดาผู้อธรรมต่างกระซิบกระซาบระหว่างกันว่า เขา(มุฮัมมัด) นี้มิใช่ใครอื่น นอกจากเป็นสามัญชนเยี่ยงพวกท่าน พวกท่านจะยอมรับมายากลทั้ง ๆ ที่พวกท่านรู้เห็นอยู่ว่ามันเป็นมายากลกระนั้นหรือ ?

4.

เขา (มุฮัมมัด) กล่าวว่า พระเจ้าของฉันทรงรอบรู้ทุกคำพูด ทั้งในชั้นฟ้าและแผ่นดินและพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน เป็นผู้ทรงรอบรู้

5.

แต่ทว่าพวกเขากล่าวว่า มันเป็นความฝันที่สับสนหากแต่ว่าเขาได้เสกสรรปั้นแต่งมันขึ้นหากแต่ว่าเขาเป็นกวี ถ้าเช่นนั้นให้เขานำหลักฐานหนึ่งมาแสดงแก่เรา เช่นเดียวกับบุคคลในยุคก่อน ๆได้ถูกส่งมา

6.

ไม่มีชาวเมืองใดก่อนหน้าพวกเขา (มุชริกีนมักกะฮ์) ซึ่งเราได้ทำลายมัน(ชาวเมืองนั้น) ได้ศรัทธาแล้วพวกเขา (มุชริกีนมักกะฮ์) จะศรัทธากระนั้นหรือ?

7.

และพวกเขาปรารถนาที่จะวางแผนร้ายแก่เขาแต่เราได้ทำให้พวกเขาประสบกับความสูญเสียมากยิ่งกว่า

8.

และเรามิได้ทำให้พวกเขา (บรรดานบี) มีร่างกายที่ไม่ต้องการอาหาร (เช่นมลาอิกะฮ์)และพวกเขามิได้เป็นผู้มีชีวิตยั่งยืน

9.

และเรามิได้ทำให้สัญญาเป็นที่ประจักษ์จริงแก่พวกเขา และเราได้ให้พวกเขารอดพ้นและผู้ที่ประสงค์ และเราได้ทำลายผู้ปฏิเสธ ละเมิดฝ่าฝืน

10.

เราขอสาบานว่า แท้จริงเราได้ให้คัมภีร์อัลกุรอานมายังพวกเจ้าในนั้นมีข้อเตือนสติแก่พวกเจ้า พวกเจ้าไม่ใช้สติปัญญาคิดบ้างดอกหรือ

11.

และกี่มากน้อยแล้วที่เราได้ทำลายหมู่บ้านที่อธรรม (ปฏิเสธการศรัทธา)และเราได้ให้หมู่ชนอื่นเกิดขึ้นมาแทนที่หลังจากนั้น

12.

เมื่อพวกเขารู้สึกว่า การลงโทษของเราเกิดขึ้นแล้ว พวกเขาจึงวิ่งหนีออกไป

13.

(มลาอิกะฮ์พูดกับพวกนั้นว่า) พวกท่านอย่าวิ่งหนีซิและจงกลับไปยังสิ่งที่พวกท่านได้รับความสำราญ และยังที่พักของพวกท่านเพื่อว่าพวกท่านจะได้ถูกสอบถามสิ่งที่เกิดขึ้นแก่ท่าน

14.

พวกเขากล่าวว่า โอ้ ความหายนะที่เกิดขึ้นแก่เรา แท้จริงเรานั้นเป็นผู้อธรรม

15.

ไม่ทันที่คำพูดของพวกเขาจะสิ้นสุดลง เราก็ได้ทำลายพวกเขาเสมือนพืชที่ถูกเก็บเกี่ยวมอดไหม้ไป

16.

และเรามิได้สร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสองเพื่อการสนุกสนานอย่างไร้ประโยชน์

17.

หากเราปรารถนาที่จะเอาเป็นเครื่องเล่นสนุกสนาน เราก็จะเอามันจากที่มีอยู่ที่เราหากเราปรารถนาจะกระทำเช่นนั้น

18.

แต่ว่าเราได้ให้ความจริงทำลายความเท็จแล้วเราก็ให้มันเสียหายไปแล้วมันก็จะมลายสิ้นไป และความหายนะจะประสบแก่พวกเจ้า ในสิ่งที่พวกเจ้ากล่าวเสกสรรปั้นแต่งต่ออัลลอฮ์

19.

และเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ ผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และผู้ที่อยู่ณ ที่พระองค์ (มลาอิกะฮ์) พวกเขาจะไม่ลำพองตนในการเคารพภักดีพระองค์และพวกเขาจะไม่เหนื่อยหน่าย

20.

พวกเขาจะแซ่ซร้องสดุดีพระองค์ในเวลากลางคืน และกลางวัน โดยไม่ขาดระยะ

21.

แต่ทว่าพวกเขา (มุชริกีน) ได้ยึดถือบรรดาพระเจ้าจากพื้นดินโดยคิดว่าสิ่งเหล่านั้นสามารถจะให้คนตาย ฟื้นคืนชีพมาได้กระนั้นหรือ

22.

หากในชั้นฟ้าและแผ่นดินมีพระเจ้าหลายองค์ นอกจากอัลลอฮ์แล้วก็จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างแน่นอนอัลลอฮ์พระเจ้าแห่งบัลลังก์ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งที่พวกเขาเสกสรรปั้นแต่งขึ้น

23.

พระองค์จะไม่ทรงถูกสอบถามในสิ่งที่พระองค์ทรงปฏิบัติและพวกเขาต่างหากที่จะถูกสอบถาม

24.

พวกเขาได้ยึดถือบรรดาพระเจ้า นอกจากพระองค์กระนั้นหรือ? จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดขอให้พวกท่านนำหลักฐานของพวกท่านมา นี่คือคัมภีร์ที่อยู่กับฉัน (อัลกุรอาน)และคัมภีร์ที่มีอยู่ก่อนหน้าฉัน (เตารอตและอินญีล)แต่ว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่รู้ความจริง พวกเขาจึงผินหลังเมินห่าง

25.

และเรามิได้ส่งร่อซู้ลคนใดก่อนหน้าเจ้านอกจากเราได้วะฮีย์แก่เขาว่าแท้จริงไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า ดังนั้นพวกเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้า

26.

และพวกเขา (มุชริกูน) กล่าวว่า พระผู้ทรงกรุณาปรานีทรงยึดมลาอิกะฮ์เป็นพระบุตรมหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ แต่ว่าพวกเขา (มลาอิกะฮ์) เป็นบ่าวผู้มีเกียรติ

27.

พวกเขาจะไม่ชิงกล่าวคำพูดก่อนพระองค์ และพวกเขาปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์

28.

พระองค์ทรงรอบรู้ สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาและพวกเขาจะไม่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใด นอกจากผู้ที่พระองค์ทรงพอพระทัยและเนื่องจากความกลัวพวกเขาจึงเนื้อตัวสั่น

29.

และผู้ใดในหมู่พวกเขาที่กล่าวว่า แท้จริงฉันคือพระเจ้าอื่นจากพระองค์เขาผู้นั้นเราจะตอบแทนลงโทษด้วยนรก เช่นนั้นแหละเราตอบแทนบรรดาผู้อธรรม

30.

และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นไม่เห็นดอกหรือว่าแท้จริงชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นแต่ก่อนนี้รวมติดเป็นอันเดียวกันแล้วเราได้แยกมันทั้งสองออกจากกัน และเราได้ทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตมาจากน้ำดังนั้นพวกเขาจะยังไม่ศรัทธาอีกหรือ

31.

และเราได้ทำให้เทือกเขามั่นคงในแผ่นดินเพื่อมันจะมิได้หวั่นไหวไปกับพวกเขาและเราได้ทำให้หุบเขาเป็นทางกว้างในแผ่นดินนั้นเพื่อว่าพวกเขาได้ใช้เป็นทางเดินอย่างถูกต้อง

32.

และเราได้ทำให้ชั้นฟ้าเป็นหลังคา ถูกรักษาไว้ไม่ให้หล่นลงมาและพวกเขาก็ยังผินหลังให้สัญญาณต่าง ๆ ของมัน

33.

และพระองค์ผู้ทรงสร้างกลางคืนและกลางวัน และดวงอาทิตย์และดวงจันทร์แต่ละหน่วยโคจรตามจักรราศี

34.

และเรามิได้ทำให้บุคคลใดก่อนหน้าเจ้าอยู่ยั่งยืนนานหากเจ้าตายไปพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ยงคงต่อไปกระนั้นหรือ

35.

ทุกชีวิตย่อมลิ้มรสความตาย และเราจะทดสอบพวกเจ้าด้วยความชั่วและความดีและพวกเจ้าจะต้องกลับไปหาเราอย่างแน่นอน

36.

และเมื่อบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา (กุฟฟารมักกะฮ์) พบเห็นเจ้าพวกเขาก็ถือเอาเจ้าเป็นที่ล้อเลียน คนนี้นะหรือที่กล่าวตำหนิพระเจ้าของพวกท่าน ทั้งๆ ที่พวกเขาก็กล่าวตำหนิพระผู้ทรงกรุณาปรานี โดยพวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา

37.

มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาด้วยความรีบร้อน ข้าจะแสดงสัญญาณต่าง ๆ ของข้าให้พวกเจ้าเห็นฉะนั้นพวกเจ้าอย่าได้เร่งข้าเลย

38.

และพวกเขากล่าวว่า เมื่อใดเล่าสัญญานี้จะเกิดขึ้น หากพวกท่าน เป็นผู้สัตย์จริง

39.

หากบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธารู้ว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะป้องกันไฟจากทางด้านหน้าของพวกเขาและทางด้านหลังของพวกเขาและพวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ

40.

แต่ว่ามันจะมาถึงพวกเขาโดยฉับพลันไม่รู้ตัว แล้วจะทำให้พวกเขาตกใจ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถที่จะผลักดันให้พ้นไปได้ และพวกเขาก็ไม่อาจจะประวิงเวลาต่อไปได้

41.

และโดยแน่นอน บรรดาร่อซู้ลก่อนหน้าเจ้าได้ถูกเย้ยหยันมาแล้วแล้วการลงโทษได้ประสบแก่บรรดาผู้ที่เย้ยหยันต่อบรรดาร่อซู้ลในสิ่งที่พวกเขาได้เย้ยหยัน

42.

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ใครเล่าจะคุ้มกันรักษาพวกท่าน ในเวลากลางคืนและกลางวันจากพระผู้ทรงกรุณาปรานี แต่ทว่าพวกเขาเป็นผู้ผินหลังให้การรำลึกถึงพระเจ้าของพวกเขา

43.

หรือว่าพวกเขามีพระเจ้าหลายองค์ นอกไปจากเรา คอบป้องกันพวกเขา ทั้ง ๆที่พระเจ้าเหล่านั้นไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองและไม่สามารถป้องกันตัวเองให้พ้นจากการลงโทษของเราได้

44.

แต่ทว่า เราได้ให้ความสุขสำรายแก่พวกเขาและบรรพบุรุษของพวกเขาจนกระทั่งพวกเขามีอายุยั่งยืน พวกเขาไม่เห็นดอกหรือว่าแท้จริงเราได้มายังแผ่นดินเพื่อทำให้มันคับแคบลงจากขอบเขตของมันแล้วพวกเขาจะเป็นผู้ชนะอีกหรือ?

45.

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด แท้จริงฉันเพียงตักเตือนพวกท่านด้วยวะฮีย์เท่านั้นแต่คนหูหนวกไม่ได้ยินเสียงเรียกร้อง เมื่อพวกเขาถูกตักเตือน

46.

และหากการลงโทษเพียงเล็กน้อยจากพระเจ้าของเจ้าประสบกับพวกเขาแน่นอนพวกเขาก็จะกล่าวว่า โอ้ความหายนะแก่เรา แท้จริงเราเป็นผู้อธรรม

47.

และเราตั้งตราชูที่เที่ยงธรรมสำหรับวันกิยามะฮ์ดังนั้นจะไม่มีชีวิตใดถูกอธรรมแต่อย่างใดเลยและแม้ว่ามันเป็นเพียงน้ำหนักเท่าเมล็ดพืชเล็ก เราก็จะนำมันมาแสดงและเป็นการพอเพียงแล้วสำหรับเราที่เป็นผู้ชำระสอบสวน

48.

และแท้จริง เราได้ให้แก่มูซาและฮารูน (ซึ่งคัมภีร์เตารอฮ์)ที่แยกระหว่างความจริงกับความเท็จและเป็นแสงสว่างแห่งดวงประทีปและข้อตักเตือนสำหรับบรรดาผู้ยำเกรง

49.

บรรดาผู้เกรงกลัวพระเจ้าของพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่เห็นและพวกเขายังหวั่นกลัวต่อวันอวสานด้วย

50.

และนี่คืออัลกุรอาน เป็นการตักเตือนที่จำเริญซึ่งเราได้ให้มันลงมาแล้วพวกเจ้ายังจะปฏิเสธมันอีกหรือ

51.

และโดยแน่นอน เราได้ให้ความเฉลียวฉลาดแก่อิบรอฮีม แต่ครั้งก่อนโดยที่เรารู้จักเขาดี

52.

ขณะที่เขากล่าวแก่บิดาของเขาและกลุ่มชนของเขาว่ารูปปั้นอะไรกันนี่ที่พวกท่านเฝ้าบูชากัน

53.

พวกเขากล่าวว่า เราได้พบเห็นบรรพบุรุษของเรา เป็นผู้สักการะบูชามันก่อน

54.

เขากล่าวว่า โดยแน่นอน พวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่าน อยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง

55.

พวกเขากล่าวว่า ท่านได้นำความจริงมาเสนอแก่เราหรือท่านเป็นแต่เพียงคนหนึ่งในพวกล้อเล่น

56.

เขากล่าวว่า แต่ที่แท้จริงพระเจ้าของพวกท่านคือพระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ซึ่งพระองค์ทรงเนรมิตมันและฉันเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้เป็นพยานต่อการณ์นี้

57.

และขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮ์ แท้จริงฉันจะวางแผนต่อต้านรูปปั้นทั้งหลายของพวกท่าน หลังจากที่พวกท่านผินหลังกลับออกไป

58.

ดังนั้น เขาได้ทำให้มันแหลกลาญ เหลือไว้เพียงรูปปั้นตัวใหญ่สำหรับพวกเขาหวังว่าพวกเขาจะได้กลับไปสอบถามมัน

59.

พวกเขากล่าวว่า ใครกระทำเช่นนี้กับพระเจ้าของเรา แท้จริงเขาผู้นั้นอยู่ในหมู่อธรรมอย่างแน่นอน

60.

พวกเขากล่าวว่า เราได้ยินเด็กหนุ่มคนหนึ่งกล่าวตำหนิรูปปั้นเหล่านี้เขามีชื่อว่าอิบรอฮีม

61.

พวกเขากล่าวว่า พวกท่านจงนำเขามาท่ามกลางสายตาของประชาชนหวังว่าเขาทั้งหลายจะได้เป็นพยาน

62.

พวกเขากล่าวว่า เจ้าเป็นผู้กระทำเช่นนี้ต่อพระเจ้าเหล่านั้นของเรากระนั้นหรืออิบรอฮีมเอ๋ย!

63.

เขากล่าวว่า แต่ว่าพระเจ้าตัวใหญ่ของพวกมันนี้ต่างหากเป็นผู้กระทำมันพวกท่านจงถามพระเจ้าเหล่านั้นซิ พวกมันพูดได้

64.

ดังนั้น พวกเขาก็กลับมาคิดถึงตัวของพวกเขาเองแล้วกล่าวขึ้นว่าแท้จริงพวกท่านนั่นแหละเป็นผู้อธรรม

65.

ครั้นแล้วศีรษะของพวกเขาก็ก้มลงมา (อยู่ในสภาพคอตก) แล้วกล่าวว่า ท่านก็รู้ดีอยู่แล้วว่ารูปปั้นเหล่านั้นพูดไม่ได้

66.

เขากล่าวว่าพวกท่านเคารพภักดีสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮ์ที่มันไม่ให้คุณแก่พวกท่านและไม่ให้โทษแก่พวกท่านแต่อย่างใดเลย กระนั้นหรือ?

67.

เป็นที่น่ารังเกียจแก่พวกท่าน และสิ่งที่พวกท่านเคารพบูชาอื่นจากอัลลอฮ์พวกท่านไม่มีสติปัญญาหรือ?

68.

พวกเขากล่าวว่า จงเผาเขาเสีย และจงช่วยเหลือพระเจ้าทั้งหลายของพวกท่านหากพวกท่านจะกระทำเช่นนั้น

69.

เรา (อัลลอฮ์) กล่าวว่า ไฟเอ๋ย ! จงเย็นลง และให้ความปลอดภัยแก่อิบรอฮีมเถิด

70.

และพวกเขาปรารถนาที่จะวางแผนร้ายแก่เขาแต่เราได้ทำให้พวกเขาประสบกับความสูญเสียมากยิ่งกว่า

71.

และเราได้ให้เขา (อิบรอฮีม) และลูฏ (หลายชาย-ลูกของพี่ชาย)รอดพ้นไปสู่แผ่นดินซึ่งเราได้ให้มีความจำเริญอุดมสมบูรณ์ในแผ่นดินนั้นแก่บรรดาชาติต่างๆ

72.

และเราได้ให้บุตรชื่ออิสฮากแก่เขา และยะอ์กูบ (หลาน) เป็นการเพิ่มพูนและทั้งหมดนั้นเราได้ให้เป็นคนดีมีคุณธรรม

73.

และเราได้แต่งตั้งพวกเขาให้เป็นผู้นำเพื่อชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องโดยคำสั่งของเราและเราได้วะฮีย์แก่พวกเขาให้ปฏิบัติความดี และธำรงการละหมาด แล้วบริจาคทานซะกาตและพวกเขาก็เป็นผู้เคารพภักดีต่อเราเท่านั้น

74.

และลุฏนั้นเราได้ให้การเป็นนบี และวิชาความรู้แก่เขาและเราได้ให้เขารอดพ้นจากหมู่บ้านนั้น ซึ่งชาวบ้านได้กระทำความชั่วแท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ชั่วช้าและฝ่าฝืน

75.

และเราได้ให้เขาเข้าอยู่ในความเมตตาของเรา แท้จริงเขาเป็นคนหนึ่งในหมู่คนดี

76.

และจงรำลึกถึงเรื่องราวของนูห์ เมื่อเขาได้ร้องเรียน (ต่ออัลลอฮ์) ก่อนหน้าหนี้แล้วเราได้ตอบรับการร้องเรียกแก่เขา และเราได้ช่วยให้เขาและพรรคพวกของเขารอดพ้นจากความทุกข์ระทมอันใหญ่หลวง

77.

และเราได้ช่วยเหลือเขาให้รอดพ้นจากหมู่ชนที่ปฏิเสธต่อโองการของเราแท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ชั่วช้า แล้วเราได้ให้พวกเขาทั้งหมดจมน้ำตาย

78.

และจงรำลึกถึงเรื่องราวของดาวูดและสุลัยมานเมื่อเขาทั้งสองได้ตัดสินใจเรื่องไร่นาเมื่อฝูงแกะของชนหมุ่หนึ่งได้หลบเข้าไปกินพืชในเวลากลางคืนและเราเป็นพยานต่อการตัดสินของพวกเขา

79.

ดังนั้น เราได้ดลใจให้สุลัยมานเข้าใจการตัดสินนั้นและเราได้ให้ความเฉลียวฉลาดและวิชาความรู้ที่หลักแหลมแก่แต่ละคนและเราได้ทำให้ภูเขาและนกแซ่ซร้องสดุดีร่วมกับดาวูด และเราเป็นผู้กระทำสิ่งเหล่านี้

80.

และเราได้สอนเขาให้รู้การทำเสื้อเกราะแก่พวกเจ้า เพื่อป้องกันเจ้าจากการรบพุ่งกันแล้วพวกเจ้าจะเป็นผู้กตัญญูขอบคุณบ้างไหม ?

81.

และสำหรับสุลัยมาน เราได้ทำให้ลมกลายเป็นพายุ ตามคำบัญชาของเขาไปยังดินแดนซึ่งเราได้ให้ความจำเริญ ณ ที่นั้น และเราเป็นผู้รอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง

82.

และเราได้ให้ชัยตอนบางตัวดำน้ำให้สุลัยมาน และพวกเขาทำงานอื่นจากนั้นและเราเป็นผู้คุ้มกันรักษาพวกเขาเหล่านั้น

83.

และจงรำลึกถึงเรื่องราวของอัยยูบ เมื่อเขาได้ร้องเรียนพระเจ้าของเขาว่าแท้จริงข้าพระองค์นั้นความทุกข์ยากได้ประสบแก่ข้าพระองค์และพระองค์เท่านั้นเป็นผู้ทรงเมตตายิ่งในหมู่ผู้เมตตาทั้งหลาย

84.

ดังนั้นเราได้ตอบรับการร้องเรียนของเขาแล้วเราได้ปลดเปลื้องสิ่งที่เป็นความทุกข์ยากแก่เขาและเราได้ให้ครอบครัวของเขาแก่เขา และเช่นเดียวกับที่เขาได้เคยมีมาก่อน (เช่นบุตรหลานและพวกพ้อง) เป็นความเมตตาจากเราและเป็นข้อตักเตือนแก่บรรดาผู้ที่เคารพภักดี

85.

และจงรำลึกถึงเรื่องราวของอิสมาอีลและอิดรีส และซัลกิฟลิแต่ละคนอยุ่ในหมู่ผู้อดทนขันติ

86.

และเราได้ให้พวกเขาเข้าอยู่ในความเมตตาของเรา แท้จริงพวกเขาอยู่ในหมุ่คนดีมีคุณธรรม

87.

และจงรำลึกถึงเรื่องราวของซันนูน (นบียูนุส)เมื่อเขาจากไปด้วยความโกรธพรรคพวกของเขาแล้วเขาคิดว่าเราจะไม่ทำให้เขาได้รับความลำบากแล้วเขาก็ร้องเรียนท่านกลางความมืดทึบทะมึนว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากกพระองค์ท่าน มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ท่านแท้จริงข้าพระองค์เป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้อธรรมทั้งหลาย

88.

ดังนั้นเราได้ตอบรับการร้องเรียนของเขาและเราได้ช่วยให้เขารอดพ้นจากความทุกข์ระทมและเช่นเดียวกันนี้เราช่วยบรรดาผู้ศรัทธา

89.

และจงรำลึกถึงเรื่องราวของซะกะรียาเมื่อเขาไร้องเรียนพระเจ้าของเขาว่าข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ของพระองค์ทรงอย่าปล่อยให้ข้าพระองค์อยู่อย่างเดียวดายและพระองค์ท่านเท่านั้นเป็นผู้สืบมรดกอันดียิ่ง

90.

ดังนั้นเราได้ตอบรับการร้องเรียนแก่เขา และเราได้ประทานบุตรแก่เขาคือยะฮ์ยาและเราได้ปรับปรุงแก้ไขภริยาของเขาให้เป็นปกติแก่เขา แท้จริงพวกเขาแข่งขันกันในการทำความดีและพวกเขาวิงวอนเราด้วยความหวังในการลงโทษของเราและพวกเขาเป็นผู้ถ่อมตัวเกรงกลัวต่อเรา

91.

และจงรำลึกถึงสตรีที่รักษาความบริสุทธิ์ของนางเอาไว้แล้วเราได้เป่าวิญญาณของเราเข้าไปในนางและเราได้ทำให้นางและบุตรของนางเป็นสัญญาณหนึ่งแก่มวลมนุษย์

92.

แท้จริง นี่คือประชาชาติของพวกเจ้า ซึ่งเป็นประชาชาติเดียวกันและข้าเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงเคารพภักดีข้าเถิด

93.

และพวกเขาได้แตกแยกกันในเรื่องของศาสนาระหว่าเขากันเองทั้งหมดนี้พวกเขาจะเป็นผู้กลับไปหาเรา

94.

ดังนั้นผู้ใดประกอบกรราดีทั้งหลาย โดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธาสำหรับการอุตสาหะวิริยะของเขาจะไม่ถูกปฏิเสธและแท้จริงเราเป็นผู้บันทึกความดีสำหรับเขา

95.

และเป็นที่ห้ามแก่ชาวเมือง ที่เราได้ทำลายเมืองนั้นแล้วว่าแน่นอนพวกเขาจะไม่กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก

96.

จนกระทั่งเมื่อยะอ์ญูจญ์ และมะอ์ญูจญ์ถูกปล่อยออกมาจากกำแพงและพวกเขาจะหลั่งไหลกันลงมาจากทุกทิศทาง

97.

และเมื่อสัญญาแห่งความจริงได้ใกล้เข้ามาขณะนั้นเรื่องของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาคือสายตาของบรรดาผู้ปฏิเสธจะจ้องเขม็งแล้วกล่าวว่า โอ้ความหายนะของเรา ! แน่นอนยิ่งเราอยู่ในความหลงลืม(จากทางหลับที่น่ากลัวนี้) ยิ่งกว่านั้นเรายังเป็นผู้อธรรมอีกด้วย

98.

แท้จริงพวกเจ้า (มุชริกีน) และสิ่งที่พวกเจ้าเคารพบูชาอื่นจากอัลลอฮ์นั้นทั้งหมดนั้นเป็นเชื้อเพลิงของนรก โดยพวกเจ้าจะเข้าไปอยู่ในนั้น

99.

หากมันเหล่านั้นเป็นพระเจ้าจริงแล้วมันจะไม่เข้าไปอยู่ในนั้นและทั้งหมดจะเข้าอยู่ในนั้นอย่างถาวร

100.

สำหรับพวกเขาในนรกนั้นมีแต่เสียงครวญครางและพวกเขาในนรกนั้นจะไม่ได้ยินมันเลย

101.

แท้จริงบรรดาผู้ที่ความดีจากเราได้ประสบแก่พวกเขามาก่อนนั้นชนเหล่านั้นเป็นผู้ที่อยู่ห่างไกลจากมัน

102.

พวกเขาจะไม่ได้ยินแม้แต่เสียงแผ่วเบาของมันและพวกเขาจะอยู่ในสวนสวรรค์อย่างถาวรตามที่จิตใจของพวกเขาปรารถนา

103.

ความตื่นตระหนกอันยิ่งใหญ่จะไม่ทำให้พวกเขาเศร้าโศกและมลาอิกะฮ์จะพบพวกเขาแล้วกล่าวว่า นี่คือวันของพวกท่านซึ่งพวกท่านได้ถูกสัญญาไว้

104.

วันซึ่งเราจะม้วนชั้นฟ้า ประหนึ่งการม้วนแผ่นกระดาษสำหรับการบันทึกดังเช่นที่เราได้เริ่มให้มีการบังเกิดครั้งแรก เราจะให้มันกลับเป็นขั้นมาอีกเป็นสัญญาผูกพันกับเรา แท้จริงเราเป็นผู้กระทำอย่างแน่นอน

105.

และแท้จริงนั้นเราได้บันทึกไว้ในคัมภีร์อัซซะบูรหลังจากที่เราได้บันทึกไว้ในลูห์มะห์ฟูซว่าแผ่นดินนั้นปวงบ่าวของเราที่ดีมีคุณธรรมจะเป็นผู้สืบมรดกมัน

106.

แท้จริงในการกล่าวไว้เช่นนี้ เป็นการเพียงพอสำหรับหมู่ชนที่เคารพภักดีต่ออัลลอฮ์

107.

และเรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใดนอกจากเพื่อเป็นความเมตตาแก่ประชาชาติทั้งหลาย

108.

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด แท้จริงฉันได้รับวะฮีย์มา ให้ประกาศว่าแท้จริงพระเจ้าของพวกท่านนั้นคือพระเจ้าองค์เดียวดังนั้นพวกท่านยังมิยอมนอนน้อมอีกหรือ?

109.

หากพวกเขาผินหลังให้ ก็จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดว่าฉันได้ประกาศแจ้งให้พวกท่านทราบแล้วโดยถ้วนหน้าและฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกท่านถูกสัญญาไว้นั้น จะอยู่ใกล้หรือไกล

110.

แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้คำพูดที่เปิดเผยและทรงรอบรู้สิ่งที่พวกท่านปิดบังไว้

111.

และฉันก็ไม่รู้ หวังว่าการประวิงเวลา อาจจะเป็นการทดสอบแก่พวกท่านและอาจจะเป็นการร่าเริงชั่วขณะหนึ่ง

112.

เขา (มุฮัมมัด) กล่าวว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ขอพระองค์ทรงชี้ขาดตัดสินแก่เราด้วยความจริง และพระเจ้าของเรา คือ พระผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงถูกขอความช่วยเหลือต่อสิ่งที่พวกท่านกล่าวหา