17. อัลอิสรออ์

1.

มหาบริสุทธิ์ผู้ทรงนำบ่าวของพระองค์เดินทางในเวลากลางคืนจากมัสยิดอัลหะรอมไปยังมัสยิดอัลอักซอซึ่งบริเวณรอบมันเราได้ให้ความจำเริญเพื่อเราจะให้เขาเห็นบางอย่างจากสัญญาณต่างๆของเรา แท้จริง พระองค์คือผู้ทรงได้ยินผู้ทรงเห็น

2.

และเราได้ให้คัมภีร์แก่มูซาและเราได้ทำให้มันเป็นทางนำแก่วงศ์วานของอิสรออีลว่าอย่ายึดถือผู้ใดอื่นจากข้าเป็นผู้คุ้มครองอย่างเด็ดขาด

3.

โอ้ เผ่าพันธุ์ของเราได้บรรทุก (ไว้ในเรือ) กับนูหเอ๋ย!แท้จริงเขาเป็นบ่าวผู้กตัญญู

4.

และเราได้แจ้งแก่วงศ์วานของอิสรออีลในคัมภีร์ว่าพวกเจ้าจะก่อการเสียหายในแผ่นดินสองครั้งและแน่นอน พวกเจ้าจะโอหังยโสยิ่ง

5.

ดังนั้น เมื่อสัญญาหนึ่งในสองครั้งได้มาถึงเราได้ส่งบรรดาบ่าวของเราผู้มีอำนาจเข้มแข็งเข้าครอบครองพวกเจ้าแล้วพวกเขาได้บุกเข้าค้นตามบ้านเรือน และมันเป็นสัญญาที่ได้เกิดขึ้นแล้ว

6.

และเราได้ให้พวกเจ้ากลับมีอำนาจเหนือพวกเขาและเราได้ให้พวกเจ้ามีทรัพย์สินและบุตรหลาน และเราได้ทำให้พวกเจ้ามีรี้พลมากมาย

7.

หากพวกเจ้าทำความดี พวกเจ้าก็ทำเพื่อตัวของเจ้าเองและหากว่าพวกเจ้าทำความชั่วก็เพื่อตัวเองดังนั้นเมื่อสัญญาอีกข้อหนึ่งได้มาถึงเพื่อพวกเขาก่อความอับอายขายหน้าแก่พวกเจ้าและเพื่อเข้าไปในมัสยิดเช่นที่พวกเขาได้เข้าไปแล้วในครั้งแรกและเพื่อทำลายสิ่งที่พวกเขาได้ชัยชนะอย่างหมดสิ้น

8.

หวังว่าพระเจ้าของพวกเจ้าจะทรงเมตตาแก่พวกเจ้า และหากพวกเจ้ากลับมา (ก่อกวน)อีกเราก็โต้กลับและเราได้ให้นรกเป็นที่คุมขังสำหรับผู้ปฏิเสธศรัทธา

9.

แท้จริง อัลกุรอานนี้นำสู่ทางที่เที่ยงตรงยิ่งและแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาที่ประกอบความดีทั้งหลายว่าสำหรับพวกเขานั้นจะได้รับการตอบแทนอันยิ่งใหญ่

10.

และแท้จริงบรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อโลกหน้านั้นเราได้เตรียมไว้สำหรับพวกเขาแล้วซึ่งการลงโทษอันเจ็บแสบ

11.

และมนุษย์นั้นวิงวอนขอความชั้ว เยี่ยงการวิงวอนขอของเขาเพื่อความดีและมนุษย์นั้นเป็นผู้รีบร้อนเสมอ

12.

และเราได้ทำให้กลางคืนและกลางวันเป็นสองสัญญาณ ดังนั้นเราทำให้สัญญาณของกลางคืนมืดมน และเราได้ทำให้สัญญาณของกลางวันมีแสงสว่างเพื่อพวกเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปรานจากพระเจ้าของพวกเจ้าและเพื่อพวกเจ้าจะได้รู้จำนวนปีทั้งหลายและการคำนวณและทุกๆสิ่งเราได้แจกแจงมันอย่างละเอียดแล้ว

13.

และมนุษย์ทุกคนเราได้ให้การงานของเขาแขวนติดไว้ที่ติดไว้ที่คอของเขาและในวันกิยามะอเราจะเอาบันทึกออกมาให้เขาพบมันในสภาพที่กางแผ่

14.

เจ้าจงอ่านบันทึกของเจ้า พอเพียงแก่ตัวเจ้าแล้ววันนี้ที่จะเป็นผู้ชำระของตัวเจ้าเอง

15.

ผู้ใดได้พบแนวทางที่ถูกต้องแท้จริงเขาจะอยู่ในทางนั้นเพื่อตัวเขาเองและไม่มีผู้แบกภาระใดที่จะแบกภาระของผู้อื่นได้และเรามิเคยลงโทษผู้ใดจนกว่าเราจะแต่งตั้งร่อซู้ลมา

16.

และเมื่อเราปรารถนาที่จะทำลายหมู่บ้านใด เราได้บัญชาให้พวกฟุ่มเฟือยของมันแล้วพวกเขาก็ฝ่าฝืน ดังนั้น พระดำรัส (การลงโทษ) สมควรแล้วแก่มันฉะนั้นเราจะได้ทำลายมันอย่างพินาศ

17.

และกี่ศตวรรษแล้วหลังจากนูหที่เราได้ทำลาย และพอเพียงกับพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงรอบรู้ทรงเห็นความผิดของปวงบ่าวของพระองค์

18.

ผู้ใดปรารถนาชีวิตชั่วคราว (ในโลกนี้) เราก็จะเร่งให้เขาได้รับมันตามที่เราประสงค์แก่ผู้ที่เราปรารถนา แล้วเราได้เตรียมนรกไว้สำหรับเขาเขาจะเข้าไปอย่างถูกเหยียดหยามถูกขับไส

19.

และผู้ใดปรารถนาปรโลก และขวนขวายเพื่อมันอย่างจริงจังโดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธาชนเหล่านั้น การขวนขวายของพวกเขาจะได้รับการชมเชย

20.

ทั้งหมด เราช่วยเขาเหล่านี้และเขาเหล่าโน้น จากการประทานให้ของพระเจ้าของเจ้าและการประทานให้ของพระเจ้าของเจ้านั้นมิถูกห้าม (แก่ผู้ใด)

21.

จงดูเถิด ! เราได้ทำให้บางคนในหมู่พวกเขาดีเด่นกว่าอีกบางคนอย่างไร?และแน่นอนปรโลกนั้นมีฐานะยิ่งใหญ่กว่าหลายชั้น และยิ่งใหญ่กว่าในทางดีเด่น

22.

เจ้าอย่าตั้งพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮ์มิฉะนั้นเจ้าจะกลายเป็นผู้ถูกเหยียดหยามถูกทอดทิ้ง

23.

และพระเจ้าของเจ้าบัญชาว่าพวกเจ้าอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้นและจงทำดีต่อบิดามารดาเมื่อผู้ใดในทั้งสองหรือทั้งสองบรรลุสู่วัยชราอยู่กับเจ้าดังนั้นอย่ากล่าวแก่ทั้งสองว่า อุฟ ! และอย่าขู่เข็ญท่านทั้งสองและจงพูดแก่ท่านทั้งสองด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยน

24.

และจงนอบน้อมแก่ท่านทั้งสอง ซึ่งการถ่อมตนเนื่องจากความเมตตา และจงกล่าวว่าข่าแต่พระเจ้าของฉันทรงโปรดเมตตาแก่ท่านทั้งสองเช่นที่ทั้งสองได้เลี้ยงดูฉันเมื่อเยาว์วัย

25.

พระเจ้าของพวกเจ้าทรงรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของพวกเจ้า หากพวกเจ้าเป็นคนดีดังนั้นพระองค์เป็นผู้ทรงอภัยแก่บรรดาผู้กลับเนื้อกลับตัวอย่างแน่นอน

26.

และจงให้สิทธิแก่ญาติที่ใกล้ชิด และผู้ขัดสน และผู้เดินทางและอย่าสุรุ่ยสุร่ายอย่างฟุ่มเฟือย

27.

แท้จริง บรรดาผู้สุรุ่ยสุร่ายนั้นเป็นพวกพ้องของเหล่าชัยตอนและชัยตอนนั้นเนรคุณต่อพระเจ้าของมัน

28.

และหากเจ้าผินหลังให้พวกเขา เพื่อแสวงหาความเมตตาจากพระเจ้าของเจ้า โดยหวังมันอยู่ดังนั้น จงกล่าวแก่พวกเขาด้วยถ้อยคำที่นิ่มนวล

29.

และอย่าให้มือของเจ้าถูกตรึงอยู่ที่คอของเจ้า และอย่าแบมันจนหมดสิ้นมิฉะนั้นเจ้าจะกลายเป็นผู้ถูกประนาม เศร้าโศกเสียใจ

30.

แท้จริง พระเจ้าของเจ้าทรงเพิ่มพูนปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงให้คับแคบ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ เป็นผู้ทรงเห็นปวงบ่าวของพระองค์

31.

และพวกเจ้าอย่าฆ่าลูกๆ ของพวกเจ้าเพราะกลัวความยากจนเราให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเขาและแก่พวกเจ้าโดยเฉพาะแท้จริงการฆ่าพวกเขานั้นเป็นความผิดอันใหญ่หลวง

32.

และพวกเจ้าอย่าเข้าใกล้การผิดประเวณี แท้จริงมันเป็นการลามกและทางอันชั่วช้า

33.

และพวกเจ้าอย่าฆ่าชีวิตที่อัลลอฮ์ทรงห้ามไว้เว้นแต่ด้วยความเที่ยงธรรมและผู้ใดถูกฆ่าอย่างอยุติธรรม ดังนั้นเราได้ให้อำนาจแก่ผู้ปกครองของเขา ฉะนั้น อย่าได้ล่วงเกินขอบเขตในเรื่องการฆ่าแท้จริงเขา (ผู้ถูกอธรรม) จะได้รับความช่วยเหลือ

34.

และพวกเจ้าอย่าเข้าใกล้ทรัพย์สินของเด็กกำพร้าเว้นแต่โดยวิธีที่ดียิ่งจนกว่าเขาจะบรรลุนิติภาวะ และจงให้ครบตามสัญญา (เพราะ)แท้จริงสัญญานั้นจะถูกสอบสวน

35.

และจงตวงให้เต็มเมื่อพวกเจ้าตวงและจงชั่งด้วยตาชั่งที่เที่ยงตรงนั่นเป็นการดียิ่งและเป็นกานตัดสินใจที่ดีกว่า

36.

และอย่าติดตามสิ่งที่เจ้าไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น แท้จริงหู และตา และหัวใจทุกสิ่งเหล่านั้นจะถูกสอบสวน

37.

และอย่าเดินบนแผ่นดินอย่างเย่อหยิ่งแท้จริงเจ้าจะแยกแผ่นดินไม่ได้เลยและจะไม่บรรลุความสูงของภูเขา

38.

ทั้งหมดนั้น ความเลวของมันเป็นที่รังเกียจยิ่ง ณ พระผู้เป็นเจ้าของเจ้า

39.

นั่นคือส่วนหนึ่งจากที่พระเจ้าของเจ้าทรงประทานฮิกมะฮแก่เจ้าและเจ้าอย่าตั้งพระเจ้าอื่นใดเคียงคู่กับอัลลอฮ์มิฉะนั้นเจ้าจะถูกโยนลงในนรกญะฮันนัมเป็นผู้ถูกครหา ถูกขับไล่

40.

พระเจ้าของพวกเจ้าทรงเลือกลูกผู้ชายให้แก่พวกเจ้าและพระองค์ทรงเลือกเอามลาอิกะฮ์เป็นลูกผู้หญิงกระนั้นหรือ ?แท้จริงพวกเจ้านั้นกำลังกล่าวคำพูดที่ร้ายกาจอย่างแน่นอน

41.

และโดยแน่นอน เราได้ชี้แจงในอัลกุรอานนี้เพื่อพวกเขาจะได้รำลึกแต่มันมิได้เพิ่มสิ่งใดแก่พวกเขา นอกจากการเตลิดหนี

42.

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดหากมีพระเจ้ามากหลายคู่เคียงกับพระองค์เช่นที่พวกเขากล่าวเมื่อนั้นแน่นอนพวกมันจะแสวงหาทางไปสู่พระผู้ทรงครองบัลลังก์

43.

มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ และพระองค์ทรงสูงส่งเหนือจากที่พวกเขากล่าวทรงสูงส่งอย่างใหญ่หลวง

44.

ชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและแผ่นดินและที่อยู่ในนั้นสดุดีสรรเสริญแด่พระองค์และไม่มีสิ่งใดเว้นแต่จะสดุดีด้วยการสรรเสริญพระองค์แต่ว่าพวกเจ้าไม่เข้าใจคำสดุดีของพวกเขาแท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงหนักแน่น ผู้ทรงอภัยเสมอ

45.

และเมื่อเจ้าอ่านอัลกุรอาน เราได้กางม่านที่ถูกซ่อนไว้กั้นระหว่างเจ้าและบรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อวันปรโลก

46.

และเราได้ทำฝาปิดบนหัวใจของพวกเขาเพื่อมิให้พวกเขาเข้าใจมัน (อัลกุรอาน)และในหูของพวกเขานั้นหนวกและเมื่อเจ้ากล่าวถึงพระเจ้าของเจ้าในอัลกุรอานเพียงองค์เดียวพวกเขาก็ผินหลังของพวกเขาเตลิดหนี

47.

เรารู้ดียิ่งถึงสิ่งที่พวกเขาฟังมัน ขณะที่พวกเขาเงี่ยหูฟังเจ้าและขณะที่พวกเขาปรึกษากันลับๆ โดยพวกอธรรมกล่าวว่าพวกท่านมิได้ตามผู้ใดนอกจากผู้ถูกเวทมนต์เท่านั้น

48.

จงดูเถิด ! พวกเขายกอุทาหรณ์แก่เจ้าอย่างไรดังนั้นพวกเขาได้หลงแล้วพวกเขาไม่สามารถหาทางใดๆ ได้

49.

และพวกเขากล่าวว่า เมื่อเราเป็นกระดูกและร่วนยุ่ยแล้วแท้จริงเราจะถูกให้ฟื้นขึ้นเพื่อกำเนิดใหม่แน่หรือ ?

50.

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด หากพวกท่านเป็นหินหรือเหล็ก

51.

หรือกำเนิดใดจากที่แข็งยิ่งในหัวอกของพวกท่านก็ตามดังนั้นพวกเขาจะกล่าวว่าผู้ใดเล่าจะให้เรากลับขึ้นมาอีก ?จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดพระองค์ผู้ทรงบังเกิดพวกท่านเป็นครั้งแรกแล้วพวกเขาก็สั่นศีรษะของพวกเขาแก่เจ้าพลางกล่าวว่าเมื่อใดเล่า ?จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด หวังว่ามันใกล้เข้ามาแล้ว

52.

วันที่พระองค์จะทรงเรียกร้องพวกเจ้าและพวกเจ้าจะตอบสนองด้วยการสรรเสริญพระองค์และพวกเจ้าจะนึกว่ามิได้อยู่(ในโลกนี้) เว้นแต่เพียงชั่วครู่เท่านั้น

53.

และจงกล่าวแก่ปวงบ่าวของข้าที่พวกเขากล่าวแต่คำพูดที่ดียิ่งว่าแท้จริงชัยตอนนั้นมันยุแหย่ระหว่างพวกเขาแท้จริงชัยตอนนั้นเป็นศัตรูที่เปิดเผยของมนุษย์

54.

พระเจ้าของพวกเจ้าทรงรู้จักพวกเจ้าดียิ่งหากพระองค์ทรงประสงค์พระองค์ก็จะทรงเมตตาพวกเจ้าหรือหากพระองค์ทรงประสงค์พระองค์ก็จะทรงลงโทษพวกเจ้าและเรามิได้ส่งเจ้ามาเป็นผู้คุ้มครองพวกเขาแต่ประการใด

55.

และพระเจ้าของเจ้าทรงรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและโดยแน่นอนเราได้เลือกนบีบางคนให้ดีเด่นกว่าอีกบางคนและเราได้ให้ซะบูรแก่ดาวูด

56.

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดพวกท่านจงเรียกร้องบรรดาสิ่งที่พวกท่านกล่าวอ้างอื่นจากพระองค์4พวกมันไม่มีอำนาจที่จะปลดเปลื้องความทุกข์ยากและเปลี่ยนแปลงมันจากพวกท่านได้

57.

เหล่านั้นที่พวกเขาวิงวอนนั้น พวกมันก็ยังหวังที่จะหาทางเข้าสู่พระเจ้าของพวกมันว่าผู้ใดในหมู่พวกมันจะเข้าใกล้ที่สุดและพวกมันยังหวังในความเมตตาของพระองค์และกลัวการลงโทษของพระองค์ แท้จริงการลงโทษของพระเจ้าของเจ้านั้นควรน่าระวัง

58.

และไม่มีหมู่บ้านใดเว้นแต่เราเป็นผู้ทำลายมันก่อนถึงวันกิยามะฮ์หรือเป็นผู้ลงโทษมันด้วยการลงโทษอย่างสาหัสนั่นมันได้ถูกบันทึกไว้แล้วในบันทึก

59.

ไม่มีสิ่งใดยับยั้งเราโดยที่เราจะส่งสัญญาณต่าง ๆ เว้นแต่ว่าพวกสมัยก่อน ๆได้ปฏิเสธมันและเราได้ให้อูฐตัวเมียเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่พวกษะมูดแต่พวกเขาได้ทารุณมัน และเรามิได้ส่งสัญญาณต่างๆ เพื่ออื่นใดเว้นแต่เพื่อเป็นการเตือนสำทับเท่านั้น

60.

และจงรำลึกเมื่อเรากล่าวแก่เจ้าว่าแท้จริงพระเจ้าของเจ้าทรงรอบรู้ในเรื่องของมนุษย์และมิได้ทำให้การฝันซึ่งเราได้เจ้าเห็นเพื่ออื่นใดเว้นแต่เพื่อเป็นการทดสอบแก่มนุษย์และต้นไม้ (ซักกูม) ที่ถูกสาปในอัลกุรอานและเราได้ทำให้พวกเขาหวาดกลัว ดังนั้น มันมิได้เพิ่มสิ่งใดแก่พวกเขานอกจากการดื้อรั้นมาก

61.

และจงรำลึกเมื่อเรากล่าวแก่มลาอิกะฮ์ว่าจงสุญูดต่ออาดัมดังนั้นพวกเขาได้สุญูดเว้นแต่อิบลีส มันกล่าวว่าฉันจะสุญูดต่อผู้ที่พระองค์ทรงสร้างจากดินกระนั้นหรือ ?

62.

มันกล่าวว่า พระองค์ทรงเห็นแล้วมิใช่หรือเขาผู้นี้ที่พระองค์ทรงให้เกียรติมากกว่าฉันหากพระองค์ทรงโปรดประวิงเวลาแก่ฉันจนถึงวันกิยามะฮ์แน่นอนฉันจะทำลายล้างลูกหลานของเขาให้หมดสิ้น เว้นแต่เพียงเล็กน้อย

63.

พระองค์ตรัสว่า เจ้าจงไปให้พ้น !ดังนั้นผู้ใดในหมู่พวกเขาปฏิบัติตามเจ้าแท้จริงนรกคือการตอบแทนของพวกเจ้า เป็นการตอบแทนที่สมบูรณ์

64.

และเจ้าจงยั่วยวนผู้ที่เจ้าสามารถทำให้เขาหลงในหมู่พวกเขาด้วยเสียงของเจ้าและชักชวนพวกเขาให้เห็นพ้องด้วยด้วยม้าของเจ้าและด้วยเท้าของเจ้าและจงร่วมกับพวกเขาในทรัพย์สินและลูกหลานและจงสัญญาพวกเขาและชัยตอนมิได้ให้สัญญาใดๆ แก่พวกเขาเว้นแต่เป็นการหลอกลวงเท่านั้น

65.

แท้จริงปวงบ่าวของข้านั้น เจ้าไม่มีอำนาจใดๆ เหนือพวกเขาและพอเพียงแล้วที่พระเจ้าของเจ้าเป็นผู้คุ้มครอง

66.

พระเจ้าของพวกเจ้าคือผู้ทรงให้เรือแล่นตามท้องทะเลเพื่อพวกเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปรานของพระองค์แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงเมตตาแก่พวกเจ้าเสมอ

67.

และเมื่อทุกขภัยประสบแก่พวกเจ้าในท้องทะเลผู้ที่พวกเจ้าวิงวอนขอก็จะสูญหายไปเว้นแต่พระองค์เท่านั้นต่อมาเมื่อพระองค์ทรงช่วยให้พวกเจ้ารอดพ้นขึ้นบกพวกเจ้าก็หันหลังออกไป และมนุษย์นั้นเป็นผู้เนรคุณเสมอ

68.

พวกเจ้าจะปลอดภัยละหรือหากพระองค์จะทรงให้ริมฝั่งนั้นถล่มลงไปกับพวกเจ้าหรือจะทรงส่งลมหอบกรวดกระหน่ำลงมาใส่พวกเจ้าแล้วพวกเจ้าจะไม่พบผู้ใดเป็นผู้คุ้มครองพวกเจ้าเลย

69.

หรือพวกเจ้าจะปลอดภัยละหรือ หากพระองค์จะทรงนำพวกเจ้ากลับไปในนั้นอีกครั้งหนึ่งแล้วทรงส่งลมพายุร้ายกระหน่ำพวกเจ้า แล้วให้พวกเจ้าจมน้ำตายเพราะพวกเจ้าเนรคุณหลังจากนั้นพวกเจ้าก็จะไม่พบผู้ใดแก้แค้นแทนเรา

70.

และโดยแน่นอนเราได้ให้เกียรติแก่ลูกหลานของอาดัมและเราได้บรรทุกพวกเขาทั้งทางบกและทางทะเลและได้ให้ปัจจัยยังชีพที่ดีทั้งหลายแก่พวกเขาและเราได้ให้พวกเขาดีเด่นอย่างมีเกียรติเหนือกว่าผู้ที่เราได้ให้บังเกิดมาเป็นส่วนใหญ่

71.

วันที่เราจะเรียกร้องมหาชนทั้งหลายพร้อมด้วยบันทึกของพวกเขาดังนั้นผู้ใดที่บันทึกของเขาถูกยื่นให้ทางขวาของเขาเขาเหล่านั้นก็จะได้อ่านบันทึกของพวกเขา โดยที่พวกเขาจะไม่ถูกอธรรมแม้แต่น้อย

72.

และผู้ใดบอดในโลกนี้ดังนั้นเขาก็จะบอดในปรโลกด้วย และหลงทางอย่างไกลยิ่ง

73.

และหากว่าพวกเขาจะทำให้เจ้าหลงไปจากที่เราได้วะฮีย์แก่เจ้าเพื่อเจ้าจะได้กุสิ่งอื่นขึ้นแก่เราและเมื่อนั้นแหละพวกเขาก็จะคบเจ้าเป็นเพื่อนสนิท

74.

และหากว่าเรามิได้ให้เจ้าตั้งมั่นอยู่บนความจริงแล้ว โดยแน่นอนยิ่งเจ้าอาจจะโน้มเอียงไปทางพวกเขาบ้างเล็กน้อย

75.

ถ้าเช่นนั้น แน่นอนเราก็จะให้เจ้าลิ้มรส (การลงโทษ) สองเท่าในชีวิตนี้และสาองเท่าเมื่อยามตายแล้วเจ้าจะไม่พบผู้ช่วยเหลือแก่เจ้าให้พ้นจาก (การลงโทษของ)เรา

76.

และหากพวกเขายุแหย่ให้เจ้าออกจากแผ่นดิน เพื่อขับไล่เจ้าออกไปและเมื่อนั้นพวกเขาจะไม่พำนักอยู่นานหลังจากเจ้า (ออกไปแล้ว)เว้นแต่ช่วงเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

77.

นี่คือแนวทางของผู้ที่เราได้ส่งเขามาก่อนเจ้าจากบรรดาร่อซู้ลของเราและเจ้าจะไม่พบการเปลี่ยนแปลงในแนวทางของเราแต่ประการใด

78.

จงดำรงการละหมาดไว้ตั้งแต่ตะวันคล้อยจนพลบค่ำ และการอ่านยามรุ่งอรุณจริงการอ่านยามรุ่งอรุณนั้นเป็นพยานยืนยันเสมอ

79.

และจากบางส่วนของกลางคืนเจ้าจงตื่นขึ้นมาละหมาดในเวลาของมันเป็นการสมัครใจสำหรับเจ้าหวังว่าพระเจ้าของเจ้าจะทรงให้เจ้าได้รับตำแหน่งที่ถูกสรรเสริญ

80.

และจงกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ได้ทรงโปรดนำข้าพระองค์เข้าตามทางเข้าที่ชอบธรรมและได้ทรงโปรดนำข้าพระองค์ออกตามทางออกที่ชอบธรรมและทรงโปรดให้ข้าพระองค์มีอำนาจที่เข้มแข็ง ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์

81.

และจงกล่าวเถิด เมื่อความจริงปรากฏขึ้นและความเท็จย่อมมลายไปแท้จริงความเท็จนั้นย่อมมลายไปเสมอ

82.

และเราได้ให้ส่วนหนึ่งจากอัลกุรอานลงมาซึ่งเป็นการบำบัดและความเมตตาแก่บรรดาผู้ศรัทธาและมันมิได้เพิ่มอันใดแก่พวกอธรรมนอกจากการขาดทุนเท่านั้น

83.

และเมื่อเราให้ความโปรดปรานแก่มนุษย์เขาเหินห่างและปลีกตัวออกไปข้าง ๆและเมื่อความชั่วประสบแก่เขาเขาก็เบื่อหน่ายหมดอาลัย

84.

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ทุกคนจะกระทำตามรูปแบบของเขาฉะนั้นพระเจ้าของพวกท่านทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่เขาได้รับแนวทางอย่างถูกต้อง

85.

และพวกเขาจะถามเจ้า เกี่ยวกับวิญญาณจงกล่าวเถิดว่าเรื่องวิญญาณนั้นเป็นไปตามพระบัญชาของพระเจ้าของฉันและพวกท่านจะไม่ได้รับความรู้ใดๆ เว้นแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

86.

และหากเราประสงค์แน่นอนเราจะเอาสิ่งซึ่งเราได้วะฮีย์แก่เจ้าไปเสียและเจ้าจะไม่พบผู้คุ้มครองคนใดเหนือเราในเรื่องนี้สำหรับเจ้า

87.

แต่ว่ามันเป็นพระเมตตาจากพระเจ้าของเจ้าแท้จริงความโปรดปรานของพระองค์ที่มีต่อเจ้านั้นใหญ่หลวงนัก

88.

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด แน่นอนหากมนุษย์และญินรวมกันที่จะนำมาเช่นอัลกุรอานนี้พวกเขาไม่อาจจะนำมาเช่นนั้นได้และแม้ว่าบางคนในหมู่พวกเขาเป็นผู้ช่วยเหลือแก่อีกบางคนก็ตาม

89.

และโดยแน่นอนเราได้อธิบายแก่มนุษย์แล้วจากทุกอุทาหรณ์ในอัลกุรอานนี้แต่ส่วนมากของมนุษย์ปฏิเสธไม่ยอมรับนอกจากการไม่ศรัทธา

90.

และพวกเขากล่าวว่า เราจะไม่ศรัทธาต่อท่านจนกว่าท่านจะทำให้แผ่นดินแตกออกเป็นลำธารแก่เรา

91.

หรือให้ท่านมีส่วนอินทผลัม และองุ่นให้มันแยกเป็นลำน้ำหลายสายพวยพุ่งออกมาท่านกลางมัน

92.

หรือท่านทำให้ชั้นฟ้าหล่นลงมาบนพวกเราเป็นเสี่ยงๆ ตามที่ท่านอ้างหรือนำอัลลอฮ์และมลาอิกะฮ์มาให้เราเห็นต่อหน้า

93.

หรือให้ท่านมีบ้านที่ประดับประดาไว้หนึ่งหลัง หรือท่านขึ้นไปบนชั้นฟ้าและเราจะไม่ศรัทธาสำหรับการขึ้นไปของท่านจนกว่าท่านจะนำคัมภีร์เล่มหนึ่งลงมาให้เราได้อ่านจงกล่าวเถิด มหาบริสุทธิ์แห่งพระเจ้าของฉัน ฉันมิได้เป็นอื่นใด นอกจากเป็นมนุษย์เป็นร่อซู้ล

94.

และไม่มีสิ่งใดที่จะห้ามมนุษย์ให้พวกเขาศรัทธาเมื่อแนวทางที่ถูกต้องมายังพวกเขาแล้ว นอกจากพวกเขาจะกล่าวว่าอัลลอฮ์ทรงแต่งตั้งมนุษย์ธรรมดาเป็นร่อซู้ลกระนั้นหรือ?

95.

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด หากมลาอิกะฮ์เดินสัญจรอย่างสงบในแผ่นดินแน่นอนเราจะส่งมะลักหนึ่งลงมาจากฟากฟ้า เป็นร่อซู้ลแก่พวกเขา

96.

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พอเพียงแล้วที่อัลลอฮ์ทรงเป็นพยานระหว่างฉันและพวกท่านแท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ทรงมองเห็นปวงบ่าวของพระองค์

97.

และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงแนะแนวทาง เขาก็จะเป็นผู้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้องและผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงให้หลงทางแล้ว ดังนั้นสูเจ้าจะไม่พบอีกเลยสำหรับพวกเขาซึ่งบรรดาผู้คุ้มครองอื่นจากพระองค์และเราจะชุมนุมพวกเขาในวันกิยามะฮ์ถูกลากคว่ำหน้าโดยมีสภาพเป็นคนตาบอด เป็นใบ้และหูหนวกที่พำนักของพวกเขาคือนรกญะฮันนัมทุกครั้งที่มันมอดเราได้เพิ่มการเผาไหม้ลุกโชนแก่พวกเขา

98.

นั่นคือการตอบแทนของพวกเขา โดยแน่นอน พวกเขาปฏิเสธศรัทธาต่อโองการทั้งหลายของเราและพวกเขากล่าวว่าเมื่อเราเป็นกระดูกและร่วนยุ่ยแล้วแท้จริงเราจะถูกให้ฟื้นขึ้นเพื่อกำเนิดใหม่ได้อย่างไร ?

99.

พวกเขาไม่เห็นดอกหรือว่าแท้จรองอัลลอฮ์ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินพระองค์เป็นผู้ทรงอานุภาพที่จะสร้างเยี่ยงพวกเขาและทรงกำหนดเวลาหนึ่งสำหรับพวกเขา ไม่มีการสงสัยใดๆ ในนั้นแต่พวกอธรรมปฏิเสธไม่ยอมรับนอกจากการไม่ศรัทธา

100.

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดหากพวกท่านครอบครองขุมแห่งความเมตตาของพระเจ้าของฉันเมื่อนั้นพวกท่านก็จะหน่วงเหนี่ยวมันไว้เพราะกลัวการบริจาคและมนุษย์นั้นเป็นคนตระหนี่

101.

และโดยแน่นอน เราได้ให้แก่มูซาสัญญาณต่างๆ อันแจ่มชัด 9 ประการดังนั้นเจ้าจงถามวงศ์วานของอิสรออีลเมื่อเขา (มูซา) มายังพวกเขาฟิรเอาน์ได้พูดกับเขาว่าโอ้ มูซาเอ๋ย แท้จริงฉันคิดว่าท่านถูกเวทมนต์อย่างแน่นอน

102.

เขากล่าวว่า โดยแน่นอนท่านย่อมรู้ดีว่าไม่มีผู้ใดประทานสิ่งเหล่านี้นอกจากพระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเพื่อเป็นพยานและแท้จริงฉันคิดว่าแน่นอนท่าน โอ้ฟิรเอาน์เอ๋ย เป็นผู้หายนะแล้ว

103.

ดังนั้น เขา (ฟิรเอาน์) ต้องการที่จะย้ายพวกเขาออกไปจากแผ่นดินฉะนั้นเราจึงให้เขาจมน้ำตายและผู้ที่อยู่ร่วมกับเขาทั้งหมด

104.

และเราได้กล่าวแก่วงศ์วานของอิสรออีลหลังจากเขาว่า จงพำนักอยู่ในดินแดนนี้ดังนั้นเมื่อสัญญาแห่งวันอาคิเราะฮได้มาถึง เราจะนำพวกเจ้าทั้งหมดมารวมไว้ด้วยกัน

105.

และด้วยความจริง เราได้ประทานมัน (อัลกุรอาน) ลงมาและด้วยความจริงมันได้ลงมาและเรามิได้ส่งเจ้าเพื่ออื่นใดนอกจากเพื่อเป็นผู้แจ้งข่าวดี และเป็นผู้ตักเตือน

106.

และอัลกุรอาน เราได้แยกมันไว้อย่างชัดเจน เพื่อเจ้าจะได้อ่านมันแก่มนุษย์อย่างช้าๆและเราได้ประทานมันลงมาเป็นขั้นตอน

107.

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พวกท่านจะศรัทธาในมันหรือไม่ศรัทธาก็ตามแท้จริงบรรดาผู้ได้รับความรู้ก่อนหน้ามันนั้นเมื่อมันได้ถูกอ่านแก่พวกเขาพวกเขาจะหมอบราบลงใบหน้าจรดพื้นเพื่อสุญด

108.

และพวกเขาจะกล่าวว่า มหาบริสุทธิ์แห่งพระเจ้าของเราสัญญาของพระเจ้าของเรานั้นแน่นอน ย่อมถูกปฏิบัติให้ครบถ้วน

109.

และพวกเขาจะหมอบราบลงใบหน้าจรดพื้นพลางร้องไห้และมันจะเพิ่มการสำรวมแก่พวกเขา

110.

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พวกท่านจงเรียกอัลลอฮ์หรือจงเรียกอัรเราะห์มานเถิดอันใดก็ตามที่เจ้าเรียกสำหรับพระองค์นั้นพระนามสวยงามยิ่งและอย่ายกเสียงดังในเวลาละหมาดของเจ้าและอย่าลดให้ค่อยเช่นกัน แต่จงแสวงหาทางระหว่างนั้น (ปานกลาง)

111.

และจงกล่าวเถิดมุฮัมมัด การสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮ์ซึ่งไม่ทรงตั้งพระบุตรและไม่มีภาคีใดๆ ร่วมกับพระองค์ในอำนาจและไม่มีผู้ช่วยเหลือใดๆแก่พระองค์ให้พ้นจากความต่ำต้อยและจงให้ความเกรียงไกรแด่พระองค์อย่างกึกก้อง