1. |
|
2. |
เพื่อพวกท่านต้องไม่เคารพภักดีผู้ใดนอกจากอัลลอฮ์แท้จริงฉันได้รับการแต่งตั้งจากพระองค์มายังพวกท่านเพื่อเป็นผู้ตักเดือนและผู้แจ้งข่าว |
3. |
และพวกท่านจงขอนิรโทษจากพระเจ้าของพวกท่าน แล้วจงกลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์พระองค์จะทรงหใปัจจัยแก่พวกท่านซึ่งปัจจัยที่ไปจนถึงวาระหนึ่งที่กำหนดไว้และพระองค์จะทรงประทานแก่ทุกๆ ผู้ทำความดีซึ่งความดีของเขาและหากพวกท่านผินหลังให้ แท้จริงฉันกลัวแทนพวกท่านซึ่งการลงโทษในวันอันยิ่งใหญ่ |
4. |
การกลับของพวกท่านย่อมไปสู่อัลลอฮ์และพระองค์เป็นผู้ทรงอนุภาพเหนือทุกสิ่ง |
5. |
พึงรู้เถิด แท้จริงพวกเขาปกปิดความลับในทรวงอกของพวกเขาเพื่อพวกเขาจะซ่อนความความเป็นศัตรูจากพระองค์ พึงรู้เถิดขณะที่พวกเขาเอาเสื้อผ้าของพวกเขาปกคลุมตัวนั้น พระองค์ทรงรู้สิ่งที่พวกเขาปกปิดและสิ่งที่พวกเขาเปิดเผยแท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก |
6. |
และไม่ว่าสัตว์ตัวใดที่เหยียบย่ำอยู่ในแผ่นดินเว้นแต่เครื่องยังชีพของมันเป็นหน้าที่ของอัลลอฮ์และพระองค์ทรงรู้ที่พำนักของมันและที่พักชั่วคราวของมันทุกสิ่งอยู่ในบันทึกอันชัดแจ้ง |
7. |
และพระองค์คือผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินในระยะ 6 วันและบัลลังก์ของพระองค์อยู่เหนือน้ำ เพื่อพระองค์จะทรงทดสอบพวกท่านว่าผู้ใดในหมู่พวกท่านมีการงานที่ดีเยี่ยม และหากเจ้า (มุฮัมมัด) กล่าวว่าแท้จริงพวกท่านจะถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา หลังจากที่ได้ตายไปแล้วแน่นอนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะกล่าวว่า นี่มิใช่อื่นใดเลย นอกจากเล่ห์กลอย่างชัดแจ้ง |
8. |
และหากเรายึดเวลาการลงโทษพวกเขาออกไปอีกระยะเวลาหนึ่งที่ได้กำหนดไว้แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่า อะไรหรือได้ยับยั้งมันไว้พึงรู้เถิด !วันซึ่งการลงโทษจะมายังพวกเขา มันจะไม่ละเว้นไปจากพวกเขา และมันจะห้อมล้อมพวกเขาตามที่พวกเขาได้เยาะเย้ยมัน |
9. |
และถ้าเราได้ให้มนุษย์ลิ้มรสความเมตตาจากเราแล้วเราได้ดึงมันกลับมาจากเขาแท้จริงเขานั้นเป็นผู้หมดหวังและสิ้นศรัทธา |
10. |
และถ้าเราได้ให้เขาลิ้มรสความโปรดปรานหลังจากความทุกข์ยากได้ประสบกับเขาแน่นอนเขาจะกล่าวว่า ความชั่วร้ายต่างๆ ได้ผ่านพ้นจากฉันไปแล้ว แท้จริงเขานั้นเป็นผู้คึกคะนองหยิ่งยะโส |
11. |
เว้นแต่บรรดาผู้อดทนและบรรดาผู้ปฏิบัติความดีทั้งหลาย ชนเหล่านั้นแหละสำหรับพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษและรางวัลอันยิ่งใหญ่ |
12. |
และบางทีเจ้าจะทิ้งบางส่วนที่ถูกวะฮีย์มายังเจ้าและหัวอกของเจ้าจะอึดอัดต่อสิ่งนั้นโดยที่พวกเขากล่าวกันว่าทำไมเล่าขุมทรัพย์จึงไม่ถูกส่งลงมา หรือทำไมมะลัก จึงไม่ถูกส่งลงมาพร้อมกับเขา?แท้จริงเจ้าเป็นเพียงผู้ตักเตือนเท่านั้น และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงคุ้มครองรักษาทุกสิ่ง |
13. |
หรือพวกเขากล่าวว่า เขา (มุฮัมมัด) ได้ปลอมแปลงอัลกุรอานขึ้นมา (มุฮัมมัด)จงกล่าวเถิด ดังนั้นพวกท่านจงนำมาสักสิบซูเราะฮ์ที่ถูกปลอมแปลงขึ้นให้ได้อย่างอัลกุรอานและพวกท่านจงเรียกผู้ที่มีความสามารถในหมู่พวกท่านอื่นจากอัลลอฮ์ (ให้มาช่วย)ถ้าพวกท่านเป็นพวกสัตย์จริง |
14. |
หากพวกเขาไม่ตอบสนองการเรียกร้องของพวกท่านก็จงรู้เถิดว่าแท้จริงอัลกุรอานถูกประทานลงมาด้วยวะฮีย์ของอัลลอฮ์และนั่นคือไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ แล้วพวกเจ้า (มุชริกีน)ยังมินอบน้อมอีกหรือ? |
15. |
ผู้ใดปรารถนาการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้และความเพริศแพร้วของมันเราก็จะตอบแทนให้พวกเขาอย่างครบถ้วนซึ่งการงานของพวกเขาในโลกนี้เท่านั้นและพวกเขาจะไม่ถูกริดรอนในการงานนั้นแต่อย่างใด |
16. |
ชนเหล่านั้น พวกเขาจะไม่ได้รับการตอบแทนอันใดในโลกอาคิเราะฮ์นอกจากไฟนรกและสิ่งที่พวกเขาได้ปฏิบัติไว้ในโลกดุนยาก็จะไร้ผลและสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้ก็จะสูญเสียไป |
17. |
ดังนั้นผู้ที่อยู่บนหลักฐานอันชัดแจ้งจากพระเจ้าของเขาและผู้เป็นพยานจากพระองค์จะสาธยายมันและก่อนนั้นมีคัมภีร์ของมูซาเป็นแนวทางและเป็นเมตตาชนเหล่านั้นศรัทธาต่อมันและผู้ใดจากพรรคต่าง ๆปฏิเสธศรัทธาต่อมันไฟนรกคือสัญญาของเขา ดังนั้นเจ้าอย่าได้อยู่ในการสงสัยมันเลยแท้จริงมันเป็นสัจธรรมจากพระเจ้าของเจ้า แต่ทว่ามนุษย์ส่วนใหญ่จะไม่ศรัทธา |
18. |
และผู้ใดเล่าที่จะอธรรมยิ่งไปกว่าผู้ที่อุปโลกน์ความเท็จต่ออัลลอฮ์ชนเหล่านั้นจะถูกนำมาเสนอต่อพระเจ้าขงพวกเขาและบรรดาพยานจะกล่าวว่าพวกเหล่านั้นคือบรรดาผู้ที่กล่าวเท็จต่อพระเจ้าของพวกเขา พึงรู้เถิด!การสาปแช่งของอัลลอฮ์จะได้แก่บรรดาผู้อธรรม |
19. |
บรรดาผู้กีดขวางทางอัลลอฮ์และพวกเขาใคร่ที่จะให้มันคดเคี้ยวและพวกเขาสำหรับโลกอาคิเราะฮ์นั้นพวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา |
20. |
ชนเหล่านี้จะไม่รอดพ้น (จากการลงโทษ) ในแผ่นดินนี้และสำหรับพวกเขาไม่มีผู้คุ้มครองอื่นจากอัลลอฮ์การลงโทษแก่พวกเขาจะถูกเพิ่มเป็นทวีคูณพวกเขาไม่สามารถที่จะฟังได้และจะไม่เห็น |
21. |
ชนเหล่านี้คือบรรดาผู้ที่ทำให้ชีวิตของพวกเขาขาดทุนและสิ่งที่พวกเขาอุปโลกน์ขึ้นนั้นก็ได้เตลิดหนีไปจากพวกเขา |
22. |
โดยแน่นอน แท้จริงพวกเขาเป็นผู้ขาดทุนยิ่งในอาคิเราะฮ์ |
23. |
แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาและผู้ปฏิบัติความดีและสำรวมตนต่อพระเจ้าของพวกเขาชนเหล่านั้นคือชาวสวรรค์ ซึ่งพวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล |
24. |
อุปมาของทั้งสองฝ่ายดังเช่นคนตาบอดและหูหนวก กับคนมองเห็นและได้ยินทั้งสองนี้จะเท่าเทียมกันหรือ พวกท่านมิได้ไตร่ตรองหรือ? |
25. |
และโดยแน่นอน เราได้ส่งนูห์ไปยังกลุ่มชนของเขา (โดยกล่าวว่า)แท้จริงฉันเป็นผู้ตักเตือนอันแน่ชัดแก่พวกท่านแล้ว |
26. |
คือพวกท่านอย่าเคารพอิบาดะฮ์ผู้ใดนอกจากอัลลอฮ์แท้จริงฉันกลัวแทนพวกท่านถึงการลงโทษในวันอันเจ็บปวด |
27. |
แล้วบรรดาบุคคลชั้นนำซึ่งปฏิเสธศรัทธาจากกลุ่มชนของเขากล่าวว่าเรามิเห็นท่านเป็นอื่นใด นอกจากสามัญชนเช่นเรา และเรามิเห็นผู้ใดปฏิบัติตามท่านนอกจากบรรดาผู้ต่ำช้าของพวกเราที่มีความคิดเห็นตื้น ๆและเรามิเห็นว่าพวกท่านประเสริฐกว่าพวกเรา แต่เราคิดว่าพวกท่านเป็นพวกโกหก |
28. |
เขา (นูห์) กล่าวว่า โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย ! พวกท่านเห็นแล้วใช่ไหมว่าหากฉันมีหลักฐานอันแจ้งชัดจากพระเจ้าของฉันและพระองค์ทรงประทานแก่ฉันซึ่งความเมตตาจากพระองค์ แล้วได้ถูกทำให้มืดมนแก่พวกท่านเราจะบังคับพวกท่านให้รับมันทั้ง ๆ ที่พวกท่านเกลียดชังมันกระนั้นหรือ? |
29. |
และโอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย !ฉันมิได้ร้องขอทรัพย์สินใดสำหรับการเยแพร่แต่รางวัลของฉันอยู่ที่อัลลอฮ์และฉันจะไม่เป็นผู้ขับไล่บรรดาผู้ศรัทธาดอกแท้จริงพวกเขาจะเป็นผู้พบพระเจ้าของพวกเขา แต่ฉันเห็นว่าพวกท่านเป็นหมู่ชนผู้งมงาย |
30. |
และโอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย ! ผู้ใดจะช่วยฉัน ณ ที่อัลลอฮ์หากฉันขับไล่พวกเขาพวกท่านไม่คิดบ้างดอกหรือ? |
31. |
ฉันมิได้กล่าวแก่พวกท่านว่าฉันมีขุมคลังของอัลลอฮ์และฉันไม่รู้ถึงสิ่งพ้นญาณวิสัยและฉันมิได้กล่าวว่าแท้จริงฉันเป็นมลักและและมิได้กล่าวแก่บรรดาผู้ที่สายตาของพวกท่านเหยียดหยามว่าอัลลอฮ์จะไม่ทรงประทานความดีแก่พวกเขาอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของพวกเขา แท้จริง ถ้าเป็นเช่นนั้นฉันจะอยู่ในหมู่ผู้อธรรมทั้งหลาย |
32. |
พวกเขากล่าวว่า โอ้นูห์เอ๋ย ! แน่นอนท่านได้โต้เถียงของเรามากเรื่องขึ้น ดังนั้นจงนำมาให้เราเถิดสิ่งที่สัญญากับเราไว้ถ้าท่านอยู่ในหมู่ผู้สัตย์จริง |
33. |
เขา (นูห์) กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮ์เท่านั้นที่จะทรงนำมันมายังพวกท่านหากพระองค์ทรงประสงค์ และพวกท่านจะไม่เป็นผู้รอดไปได้ |
34. |
และคำสั่งสอนของฉันจะไม่เกิดประโยชน์แก่พวกท่านตามที่ฉันปรารถนาจะสั่งสอนพวกท่านถ้าอัลลอฮ์ทรงประสงค์จะให้พวกท่านหลงผิดพระองค์คือพระเจ้าของพวกท่าน และพวกท่านจะถูกนำกลับไปยังพระองค์ |
35. |
หรือพวกเขา (กุฟฟารกุเรช) กล่าวว่า เขา (มุฮัมมัด) ได้อุปโลกน์มันขึ้นมา (มุฮัมมัด)จงกล่าวเถิดว่า ถ้าฉันได้อุปโลกน์มันขึ้นมา ความผิดของฉันย่อมอยู่ที่ฉันและฉันปลีกตัวอกจากสิ่งที่พวกท่านกระทำผิด |
36. |
และได้มีวะฮีย์แก่นูห์ว่า แท้จริงจะไม่มีผู้ใดจากหมู่ชนของเจ้าศรัทธาเว้นแต่ผู้ที่ได้ศรัทธาแล้ว ดังนั้น เจ้าอย่าเศร้าหมองในสิ่งที่พวกเขากระทำ |
37. |
และจ้าจงสร้างเรือต่อหน้าเราและตามคำบัญชาของเราและอย่ามาดูดกับข้าถึงบรรดาผู้อธรรม แท้จริงพวกเขาจะถูกจมน้ำตาย |
38. |
และเขาได้สร้างเรือและคราใดที่บุคคลชั้นนำจากหมู่ชนของผ่านเขา (นูห์)พวกเขาก็เยาะเย้ยเขา เขาก็จะกล่าวว่า หากพวกท่านเยาะเย้ยพวกเราแท้จริงเราก็จะเยาะเย้ยพวกท่านเช่นเดียวกับที่พวกท่านเยาะเย้ย |
39. |
แล้วพวกท่านก็จะรู้ว่าผู้ใดที่การลงโทษอันอัปยศจะมายังเขาและการลงโทษอันยั่งยืนจะประสบแก่เขา |
40. |
จนกระทั่งเมื่อคำบัญชาของเราได้มาและบนพื้นแผ่นดินน้ำได้พวยพุ่งขึ้น เรากล่าวว่าจงบรรทุกไว้ในเรือจากทุกชนิดเป็นคู่ ๆ และครอบครัวของเจ้าด้วยเว้นแต่ผู้ที่พระดำรัสได้กำหนดแก่เขาไว้ก่อน และผู้ศรัทธาแต่ไม่มีผู้ศรัทธาร่วมกับเขานอกจากจำนวนเล็กน้อย |
41. |
และเขากล่าวว่า พวกท่านจงลงในเรือด้วยพระนามของอัลลอฮ์ทั้งในยามแล่นของมันและในยามจอดของมัน แท้จริงพระเจ้าของฉันเป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ |
42. |
และมันแล่พาพวกเขาไปท่ามกลางคลื่นลูกเท่าภูเขาและนูห์ได้ร้องเรียกลูกชายของเขาซึ่งอยู่อย่างโดดเดี่ยว โอ้ลูกของฉันเอ๋ย !จงมาโดยสารเรือกับเราเถิด และเจ้าอย่าอยู่ร่วมกับผู้ปฏิเสธศรัทธาเลย |
43. |
เขา (ลูกชาย) กล่าวว่า ฉันจะไปอาศัยภูเขาลูกหนึ่ง มันจะคุ้มครองฉันจากน้ำนี้ได้ เขา(นูห์) กล่าวว่า ไม่มีผู้ใดคุ้มครองในวันนี้จากพระบัญชาของอัลลอฮ์เว้นแต่ผู้ทีพระองค์ทรงเมตตา และคลื่นได้ซัดเข้ามาระหว่างเขาทั้งสอง และเขา(ลูกชาย) ได้อยู่ในหมู่ผู้จมน้ำ |
44. |
และได้มีเสียงกล่าวว่า แผ่นดินเอ๋ย! จงกลืนน้ำของเจ้าและฟ้าเอ๋ย ! จงหยุดและน้ำได้ลดลงและกิจการได้ถูกตัดสิน และมันได้จอดเทียบอยู่ที่ภูเขาญดีย์และได้มีเสียงกล่าวว่า ความหมายนะจงประสบแก่หมู่ชนผู้อธรรมเถิด |
45. |
และนูห์ได้ร้องเรียนต่อพระเจ้าของเขาโดยกล่าวว่าข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของพระองค์แท้จริงลูกชายของข้าพระองค์เป็นคนหนึ่งในครอบครัวของข้าพระองค์และแท้จริงสัญญาของพระองค์นั้นเป็นความจริงและพระองค์ท่านนั้นทรงตัดสินเที่ยงธรรมยิ่ง ในหมู่ผู้ตัดสินทั้งหลาย |
46. |
พระองค์ทรงตรัสว่า โอ้นูห์เอ๋ย !แท้จริงเขามิได้เป็นคนหนึ่งในครอบครัวของเจ้าแท้จริงการกระทำของเขาไม่ดีดังนั้นเจ้าอย่าร้องเรียนต่อข้าในสิ่งที่เจ้าไม่มีความรู้แท้จริงข้าขอเตือนเจ้าที่เจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้งมงาย |
47. |
เขากล่าวว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์แท้จริงข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์ท่านให้พ้นจากการร้องเรียนต่อพระองค์ท่านในสิ่งที่ข้าพระองค์ไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นและหากพระองค์ไม่ทรงอภัยแก่ข้าพระองค์ และไม่ทรงเมตตาข้าพระองค์แล้วข้าพระองค์ก็จะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน |
48. |
ได้มีเสียงกล่าวว่า โอ้นูห์เอ๋ย ! จงลงไป (จากเรื่อ) ด้วยความศานติจากเราและความจำเริญแก่เจ้าและแก่กลุ่มชนที่อยู่กับเจ้าและกลุ่มชนอื่นที่เราจะให้พวกเขาหลงระเริงแล้วการลงโทษอย่างเจ็บปวดจากเราก็จะประสบแก่พวกเขา |
49. |
เหล่านั้นคือส่วนหนึ่งจากเรื่องราวอันเร้นลับที่เราได้วะอีมายังเจ้า (มุฮัมมัด)เจ้าไม่รู้เรื่องนี้และกลุ่มชนของเจ้าก็ไม่รู้มาก่อนเลยดังนั้นเจ้าจงอดทนแท้จริงบั้นปลายที่ดีนั้นสำหรับบรรดาผู้ยำเกรง |
50. |
และยังอ๊าด (เราได้ส่ง) พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือฮูดเขากล่าวว่าโอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย!พวกท่านจงเคารพอิบาดะฮ์อัลลอฮ์เถิดพวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์พวกท่านมิใช่อื่นใดนอกจากเป็นพวกอุปโลกน์เท่านั้น |
51. |
โอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย!ฉันมิได้ขอร้องต่อพวกท่านซึ่งรางวัลในการนี้เลยรางวัลของฉันนั้นอยู่กับพระผู้ให้บังเกิดฉันพวกท่านไม่ใช้ปัญญาหรือ? |
52. |
และโอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย ! จงขออภัยโทษต่อพระเจ้าของพวกท่านแล้วจงกลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์ พระองค์จะส่งเมฆ (น้ำฝน) มาเหนือพวกท่านให้หลั่งน้ำฝนลงมาอย่างหนักและจะทรงเพิ่มพลังเป็นทวีคุณให้แก่พวกท่าน และพวกท่านและพวกท่านอย่าผินหลังโดยเป็นผู้กระทำผิด |
53. |
พวกเขากล่าวว่า โอ้ฮูดเอ๋ย!ท่านมิได้นำหลักฐานอันชัดแจ้งมาให้แก่เราและพวกเราก็จะไม่ละทิ้งพระเจ้าทั้งหลายของเราเพราะคำกล่าวของท่านและพวกเราก็จะไม่ศรัทธาในตัวท่าน |
54. |
เราจะไม่กล่าวอย่างใด เว้นแต่พระเจ้าบางองค์ของเราได้นำความชั่วเข้าไปสิงในตัวท่านเขา (ฮูด) กล่าวว่า แท้จริงฉันให้อัลลอฮ์ทรงเป็นพยานแล้วพวกท่านจงเป็นพยานด้วยว่าแท้จริงฉันปลีกตัวออกจากสิ่งที่พวกท่านตั้งภาคี |
55. |
อื่นจากพระองค์ ดังนั้นพวกท่านทั้งหมดจงวางแผนทำร้ายฉันเถิดแล้วพวกท่านอย่าได้ให้ฉันต้องรอคอยเลย |
56. |
แท้จริงฉันมอบหมายต่ออัลลอฮ์ พระเจ้าของฉันและพระเจ้าของพวกท่านไม่มีสัตว์เลื้อยคลานใด ๆเว้นแต่พระองค์ทรงกำขมับมันแท้จริงพระเจ้าของฉันอยู่บนทางที่เที่ยงตรง |
57. |
หากพวกท่านผินหลังให้แล้วไซร้ แน่นอนฉันได้แจ้งข่าวแก่พวกท่านแล้วตามที่ฉันได้ถูกส่งมายังพวกท่านเพื่อมันและพระเจ้าของฉันจะทรงแต่งตั้งกลุ่มชนอื่นจากพวกท่านเป็นตัวแทนและพวกท่านจะไม่อันตรายต่อพระองค์แต่อย่างใดแท้จริงพระเจ้าของฉันเป็นผู้ทรงพิทักษ์ทุกสิ่ง |
58. |
และเมื่อบัญชาของเราได้มาถึง เราได้ช่วยฮูดและบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับเขาให้รอดพ้นด้วยความเมตตาจากเรา และเราได้ช่วยให้พวกเขาพ้นจากการลงโทษอันโหดร้าย |
59. |
และนั่นคือกลุ่มชนอ๊าด พวกเขาปฏิเสธโองการทั้งหลายของพระเจ้าของพวกเขาและฝ่าฝืนต่อบรรดาร่อซู้ลของพระองค์และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้หยิ่งผยองผู้ขัดขืนทุกคน |
60. |
และพวกเขาถูกติดตามด้วยการสาปแช่งในโลกดุนยานี้และวันกิยามะฮ์ พึงทราบเถิด!แท้จริงกลุ่มชนอ๊าดปฏิเสธศรัทธาต่อพระเจ้าของพวกเขา พึงทราบเถิด!จงห่างไกลจากความเมตตาเถิดอ๊าดกลุ่มชนของฮูด |
61. |
และยังษะมูด (เราได้ส่ง) พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือซอและฮ์ เขากล่าวว่าโอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย! พวกท่านจงเคารพอิบาดะฮ์อัลลอฮ์เถิดพวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์ทรงบังเกิดพวกท่านพำนักอยู่ในนั้นอังนั้น พวกท่านจงขออภัยต่อพระองค์ และจงกลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์แท้จริงพระเจ้าของฉันนั้นทรงอยู่ใกล้ทรงตอบรับเสมอ |
62. |
พวกเขากล่าวว่า โอ้ ซอและฮ์เอ๋ย ! แน่นอนท่านเคยเป็นความหวังในหมู่พวกเรามาก่อนบัดนี้ท่านจะห้ามมิให้เราเคารพอิบาดะฮ์สิ่งที่บรรพบุรุษของเราเคารพอิบาดะฮ์อยู่กระนั้นหรือ?และแท้จริงพวกเราอยู่ในการสงสัยต่อสิ่งที่ท่านเรียกร้องเชิญชวนเรายังสิ่งนั้น |
63. |
เขากล่าวว่า โอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย ! พวกท่านไม่เห็นดอกหรือหากฉันมีหลักฐานอันชัดแจ้งจากพระเจ้าของฉันและพระองค์ทรงประทานความเมตตาจากพระองค์แก่ฉันดังนั้นผู้ใดเล่าจะช่วยฉันให้พ้นจากอัลลอฮ์ หากฉันฝ่าฝืนพระองค์ ดังนั้นพวกท่านจะไม่เพิ่มสิ่งใดให้แก่ฉันเลยนอกจากการขาดทุนเท่านั้น |
64. |
และโอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย!นี่คืออูฐตัวเมียของอัลลอฮ์เป็นสัญญาณหนึ่งแก่พวกท่านดังนั้นพวกท่านจงปล่อยมันให้หากินตามลำพังในแผ่นดินของอัลลอฮ์และอย่าก่อความทุกข์ยากแก่มัน มิฉะนั้นแล้ว การลงโทษอันรวดเร็วจะประสบแก่พวกท่าน |
65. |
ต่อมาพวกเขาได้ฆ่า ดังนั้นเขา (ซอและฮ์) กล่าวว่าพวกท่านจงสุขสำราญในบ้านของพวกท่านสามวัน นั่นคือสัญญาที่ไม่โกหก |
66. |
ดังนั้นเมื่อพระบัญชาของเราได้มาถึงเราได้ช่วยซอและฮ์และบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับเขาให้รอดพ้นด้วยความเมตตาจากเรา และจากความอดสูของวันนั้นแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้นเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำนาจ |
67. |
และเสียงกัมปนาทได้คร่าบรรดาผู้อธรรมแล้วพวกเขาได้กลายเป็นผู้นอนพังพาบตายในบ้านของพวกเขา |
68. |
ประหนึ่งว่า พวกเขามิได้เคยอยู่ในนั้นมาก่อน พึงทราบเถิด!แท้จริงษะมูดนั้นปฏิเสธศรัทธาพระเจ้าของพวกเขา พึงทางเถิด!จงห่างไกลจากความเมตตาเถิดสำหรับษะมูด |
69. |
และแน่นอนบรรดาทูตของเราได้มายังอิบรอฮีมพร้อมทั้งข่าวดี พวกเขากล่าวว่าขอความศานติจงมีแด่ท่าน เขา (อิบรอฮีม) กล่าวว่า ขอความศานติจงมีแด่พวกท่านดังนั้นเขามิได้รีรอที่จะนำลูกวัวย่างออกมา |
70. |
ครั้นเมื่อเขาเห็นว่ามือของพวกเขาไม่ถึงมันเขาไม่พอใจและรู้สึกกลัวพวกเขาพวกเขากล่าวว่า อย่ากลัวเลย แท้จริงเราถูกส่งมายังกลุ่มชนของลูฏ |
71. |
และภริยาของเขายืนอยู่แล้ว นางก็หัวเราะเราจึงแจ้งข่าวดีแก่นางด้วย(การได้บุตรชื่อ) อิสหากและหลังจากอิสหากคือยะอ์กูบ |
72. |
นางกล่าวว่า โอ้ แปลกแท้ ๆ ฉันจะมีบุตรหรือ ขณะที่ฉันแก่แล้วและนี่สามีของฉันก็แก่หง่อมแล้ว แท้จริงนี่เป็นเรื่องประหลาดแท้ |
73. |
พวกเขากล่าวว่าเธอแปลกใจต่อพระบัญชาของอัลลอฮ์หรือ?ความเมตตาของอัลลอฮ์และความจำเริญของพระองค์จงประสบแด่พวกท่านโอ้ครอบครัว(ของอิบรฮีม) แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ได้รับการสรรเสริญ ผู้ทรงประเสริฐยิ่ง |
74. |
ครั้นเมื่อความตระหนกได้คลายไปจากอิบรอฮีมแล้วและข่าวดีได้มายังเขาเขาก็โต้เถียงเราในเรื่องของกลุ่มชนลูฏ |
75. |
แท้จริงอิบรอฮีมนั้นเป็นผู้อดทนขันติ จิตใจอ่อนโยน หันหน้าเข้าหาอัลลอฮ์เสมอ |
76. |
โอ้อิบรอฮีมเอ๋ย!จงผินหลังจากเรื่องนี้เถิดแท้จริงพระบัญชาของพระเจ้าของเจ้าได้มาถึงแล้วและแท้จริงเพวกเขาเหล่านั้นการลงโทษที่ไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นจะมายังพวกเขาอย่างแน่นอน |
77. |
และเมื่อบรรดาทูตของเรา (มลาอิกะฮ์) ได้มายังลูฏเขาเป็นทุกข์ต่อพวกเขาและหนักใจในพวกเขา และกล่าวว่า นี่เป็นอันชั่วร้ายที่สุด |
78. |
และกลุ่มชนของเขาได้มาหาเขา พวกเขารีบร้อนมายังเขาและก่อนหน้านั้นพวกเขาเคยทำความชั่วเขากล่าวว่า กลุ่มชนของฉันเอ๋ย!เหล่านี้คือลูกสาวของฉัน พวกนางนั้นบริสุทธิ์สำหรับพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิดและอย่าทำให้ฉันขายหน้าต่อแขกของฉันเลยไม่มีคนที่มีสติสัมปชัญญะในหมู่พวกท่านบ้างหรือ? |
79. |
พวกเขากล่าวว่า โดยแน่นอน ท่านรู้ดีว่า เราไม่มีสิทธิ์ในลูกสาวของท่านและแท้จริงท่านรู้ดีถึงสิ่งที่เราปรารถนา |
80. |
เขากล่าวว่า หากว่าฉันมีกำลังปราบพวกท่าน หรือฉันหันไปพึ่งที่พักพิงอันแข็งแรง |
81. |
พวกเขา (มลาอิกะฮ์) กล่าวว่า โอ้ลูฏเอ๋ย! พวกเราเป็นทูตของพระเจ้าของท่านพวกเหล่านั้นจะไม่ถึงท่านได้เลยดังนั้นท่านจงเดินทางไปในเวลากลางคืนพร้อมกับครอบครัวของท่านและคนใดในหมู่พวกท่านอย่าได้เหลียวหลังมองเว้นแต่ภริยาของท่านแท้จริงจะประสบแก่นางเช่นเดียวกับที่ได้ประสบแก่พวกเขาแท้จริงสัญญาของพวกเขาคือเวลาเช้า เวลาเช้านั้นใกล้เข้ามาแล้วมิใช่หรือ? |
82. |
ดังนั้น เมื่อพระบัญชาของเราได้มาถึงเราได้ทำให้ข้างบนของมันเป็นข้างล่าง และเราได้ให้ก้อนหินแกร่งหล่นพรูลงมา |
83. |
ถูกตราเครื่องหมายไว้ ณ ที่พระเจ้าของท่าน และมันไม่ไกลไปจากบรรดาผู้อธรรม |
84. |
และยังกลุ่มชนของมัดยัน เราได้ส่งพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือชุอัยบ์เขากล่าวว่าโอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย! พวกท่านจงเคารพอิบาดะฮ์อัลลอฮ์เถิดพวกท่านนั้นไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ และพวกท่านอย่าให้การตวงและการชั่งบกพร่อง แท้จริงฉันเห็นพวกท่านยังอยู่ในความดีและแท้จริงฉันกลัวแทนพวกท่านต่อการลงโทษในวันที่ถูกห้อมล้อมไว้ |
85. |
และโอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย !พวกท่านจงให้ครบสมบูรณ์ไว้ซึ่งการตวงและการชั่งโดยเที่ยงธรรมและอย่าให้บกพร่องแก่มนุษย์ซึ่งสิ่งต่าง ๆ ของพวกเขาและอย่าก่อกวนในแผ่นดินโดยเป็นผู้บ่อนทำลาย |
86. |
สิ่งที่เหลืออยู่ของอัลลอฮ์นั้นดียิ่งสำหรับพวกท่าน หากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธาและฉันมิใช่ผู้คุ้มกันพวกท่าน |
87. |
พวกเขากล่าวว่า โอ้ชุอัยบ์เอ๋ย ! การละหมาดของท่านสั่งสอนท่านว่าให้พวกเราละทิ้งสิ่งที่บรรพบุรุษของเราเคารพบูชาหรือว่าให้เรากระทำต่อทรัพย์สินของเราตามที่เราต้องการกระนั้นหรือ?แท้จริงท่านนั้นเป็นผู้อดทนขันติเป็นผู้มีสติปัญญา |
88. |
เขากล่าวว่า โอ้กลุ่มชนชนของฉันเอ๋ย! พวกท่านมิเห็นดอกหรือหากฉันมีหลักฐานอันชัดแจ้งจากพระเจ้าของฉัน และพระองค์ได้ประทานริซกีแก่ฉันซึ่งเป็นริซกีที่ดีจากพระองค์ และฉันมิปรารถนาที่จะขัดแย้งกับพวกท่านในสิ่งที่ฉันได้ห้ามพวกท่านให้ละเว้นฉันมิปรารถนาสิ่งใดนอกจากการปฏิรูปให้ดีขึ้นเท่าที่ฉันสามารถและความสำเร็จของฉันจะไม่เกิดขึ้น เว้นแต่ด้วยความช่วยเหลือของอัลลอฮ์แด่พระองค์ฉันขอมอบหมายและยังพระองค์เท่านั้นฉันกลับไปหา |
89. |
และโอ้กลุ่มชนของฉัน อย่าให้การแตกแยกของฉันทำให้พวกท่านกระทำผิดซึ่งจะประสบแก่พวกท่านเช่นที่ได้ประสบแก่กลุ่มชนของนูห์หรือกลุ่มชนของฮูดหรือกลุ่มชนของซอและฮ์และกลุ่มชนของลูฏมิได้อยู่ห่างไกลจากพวกท่าน |
90. |
และพวกท่านจงขออภัยโทษต่อพระเจ้าของพวกท่านแล้วจงกลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์แท้จริงพระเจ้าของฉันนั้นเป็นผู้ทรงเมตตาผู้ทรงรักใคร่ |
91. |
พวกเขากล่าวว่า โอ้ ชุอัยบ์เอ๋ย! เราไม่เข้าใจส่วนมากที่ท่านกล่าวและแท้จริงเราเห็นว่าท่านเป็นคนอ่อนแอในหมู่พวกเราถ้ามิใช่เพราะครอบครัวของท่านแล้วเราจะเอาหินขว้างท่านและท่านก็มิได้เป็นผู้มีเกียรติเหนือพวกเรา |
92. |
เขากล่าวว่า โอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย!ครอบครัวของฉันเป็นที่นับถือแก่พวกท่านมากยิ่งกว่าอัลลอฮ์กระนั้นหรือ?และพวกท่านได้เอาพระองค์ไว้เบื้องหลังพวกท่านแท้จริงพระเจ้าของฉันทรงรอบรู้สิ่งที่พวกท่านกระทำ |
93. |
และโอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย! พวกท่านจงกระทำตามแนวทางของพวกท่าน ฉันก็จะกระทำ(ตามแนวทางของฉัน) แล้วพวกท่านก็จะรู้ว่าผู้ใดที่การลงโทษจะประสบแก่เขาจะทำให้เขาอดสูและผู้ใดที่เขาเป็นคนโกหก และพวกท่านจงคอยเฝ้าดูเถิดแท้จริงฉันก็ร่วมกับพวกท่านคอยเฝ้าดูอยู่ด้วย |
94. |
และเมื่อพระบัญชาของเราได้มาถึงเราได้ช่วยชุอัยบ์และบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับเขาให้รอดพ้น ด้วยความเมตตาจากเราและเสียงกัมปนาทได้ร่าบรรดาผู้อธรรมแล้วพวกเขาได้กลายเป็นผู้นอนพังพาบตายในบ้านของพวกเขา |
95. |
ประหนึ่งว่าพวกเขามิได้เคยอยู่ในนั้นมาก่อน พึงทราบเถิด!จงห่างไกลจากความเมตตาเถิดสำหรับมัดยัน เช่นเดียวกับที่ษะมูดได้ห่างไกลมาแล้ว |
96. |
และโดยแน่นอนเราได้ส่งมูซา พร้อมด้วยสัญญาณต่างๆ ของเราและหลักฐานอันชัดแจ้ง |
97. |
ยังฟิรเอาน์และบรรดาบุคคลชั้นนำของเขาพวกเขาได้ปฏิบัติตามคำสั่งของฟิรเอาน์และคำสั่งของฟิรเอาน์นั้นไม่เหมาะสม |
98. |
เขาจะนำหน้ากลุ่มชนของเขาในวันกิยามะฮ์และนำพวกเขาลงในไฟนรกและมันเป็นทางลงที่ชั่วช้าที่พวกเขาได้ลงไป |
99. |
และพวกเขาถูกติดตามด้วยการถูกสาปแช่งในโลกนี้และวันกิยามะฮ์มันเป็นความช่วยเหลือที่ชั่วช้าที่พวกเขาได้รับความช่วยเหลือ |
100. |
นั่นคือส่วนหนึ่งจากเรื่องราวของเมืองต่างๆ เราได้บอกเล่ามันแกเจ้าส่วนหนึ่งของมันยังคงอยู่ และส่วนหนึ่งก็เสื่อมโทรมไปแล้ว |
101. |
และเรามิได้อธรรมต่อพวกเขาแต่ว่าพวกเขาอธรรมต่อตัวของพวกเขาเองและบรรดาพระเจ้าของพวกเขาที่พวกเขาวิงวอนขออื่นจากอัลลอฮ์นั้นจะไม่อำนวยประโยชน์อันใดให้แก่พวกเขาเลย เมื่อพระบัญชาของพระเจ้าของท่านได้มาถึงและพระเจ้าเหล่านั้นมิได้เพิ่มอันใดแก่พวกเขา นอกจากความพินาศ |
102. |
และเช่นนี้แหละคือการลงโทษของพระเจ้าเมื่อพระองค์ทรงลงโทษหมู่บ้านซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อธรรมแท้จริงการลงโทษของพระองค์นั้นเจ็บแสบสาหัส |
103. |
แท้จริง ในการนั้นเป็นสัญญาณสำหรับผู้ที่กลัวการลงโทษในวันอาคิเราะฮ์นั่นคือวันแห่งการรวบรวมปวงมนุษย์สำหรับพระองค์และนั่นคือวันแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างพร้อมพรัก |
104. |
และเรามิได้หน่วงมัน เว้นแต่เพื่อวาระที่ถูกกำหนดไว้ |
105. |
วันที่เมื่อมันมาถึงไม่มีชีวิตใดจะพูดได้เว้นแต่โดยอนุมัติของพระองค์ ดังนั้นในหมู่พวกเขาจะมีผู้เป็นทุกข์และผู้เป็นสุข |
106. |
ดังนั้น สำหรับบรรดาผู้ที่มีทุกข์ก็จะอยู่ในนรก สำหรับพวกเขาที่อยู่ในนั้นคือการถอนหายใจและการสะอื้น |
107. |
พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาลตราบเท่าที่ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินยืนยงเว้นแต่ที่พระเจ้าของเจ้าทรงประสงค์แท้จริงพระเจ้าของเจ้าเป็นผู้กระทำโดยเด็ดขาดตามที่พระองค์ทรงประสงค์ |
108. |
และสำหรับบรรดาผู้เป็นสุขก็จะอยู่ในสวนสวรรค์พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาลตราบเท่าที่ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินยืนยังเว้นแต่ที่พระเจ้าของของเจ้า ทรงประสงค์ เป็นการประทานให้โดยปราศจากการตัดทอน |
109. |
ดังนั้น เจ้าอย่าอยู่ในการสงสัย จากการที่เขาเหล่านั้นเคารพบูชาเลยพวกเขามิได้เคารพบูชาสิ่งใดเว้นแต่เช่นเดียวกับที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้เคารพบูชามาก่อนแล้วและแท้จริงเราจะให้สมบูรณ์แก่พวกเขาซึ่งส่วนของพวกเขา โดยปราศจากการบกพร่อง |
110. |
และโดยแน่นอน เราได้ให้คัมภีร์แก่มูซาแล้วได้เกิดการขัดแย้งกันขึ้นในนั้นและหากมิใช่ลิขิตได้บันทึกไว้ที่พระเจ้าของเจ้าแล้วแน่นอนก็คงจะถูกตัดสินระหว่างพวกเขาและแท้จริงพวกเขานั้นเป็นผู้สงสัย ย่อมอยู่ในการสงสัยจากมัน (คัมภีร์) |
111. |
และแท้จริงพวกเขาทั้งหมดพระเจ้าของเจ้าจะทรงตอบแทนแก่พวกเขาอย่างครบถ้วนซึ่งการงานของพวกเขาแท้จริงพระองค์ทรงรู้ทุกสิ่งที่พวกเขากระทำ |
112. |
เจ้าจงอยู่ในความเที่ยงธรรมเช่นที่ถูกบัญชา และผู้ที่ขอลุโทษแก่เจ้าและพวกท่านอย่าได้ละเมิดแท้จริงพระองค์ทรงรู้เห็นสิ่งที่พวกท่านกระทำ |
113. |
และพวกท่านอย่าเห็นชอบไปกับธรรมดาผู้อธรรมไฟนรกจะสัมผัสพวกท่านได้และสำหรับพวกท่านไม่มีผู้คุ้มครองใด ๆนอกจากอัลลอฮ์แล้วพวกท่านจะไม่ช่วยเหลือ |
114. |
และเจ้าจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด ตามปลายช่วงทั้งสองของกลางวันและยามต้นจากกลางคืนแท้จริงความดีทั้งหลายย่อมลบล้างความชั่วทั้งหลายนั่นคือข้อเตือนสำหรับบรรดาผู้ที่รำลึก |
115. |
และเจ้าจงอดทน เพระแท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงทำให้รางวัลของผู้ทำความเสียหาย |
116. |
ทำไมในศตวรรษก่อนจากพวกเจ้าจึงไม่มีปัญญาชนช่วยกันห้ามปรามการบ่อนทำลายในแผ่นดินเว้นแต่จำนวนน้อยเท่านั้นจากผู้ที่เราได้ช่วยพวกเขาให้รอดพ้นและบรรดาผู้อธรรมได้ปฏิบัติตามสิ่งที่พวกเขาถูกให้อยู่ในความสำราญพวกเขาจึงเป็นผู้กระทำผิด |
117. |
และพระเจ้าของเจ้าจะไม่ทรงทำลายหมู่บ้านโดยอยุติธรรมโดยที่ประชากรของหมู่บ้านนั้นเป็นผู้ฟื้นฟูทำความดี |
118. |
และหากพระเจ้าของเจ้าทรงประสงค์แน่นอนพระเองค์จะทรงทำให้ปวงมนุษย์เป็นประชาชาติเพียวกันแต่พวกเขาก็ยังคงแตกแยกกัน |
119. |
เว้นแต่ผุ้ที่พระเจ้าของเจ้ามีเมตตาและเช่นนั้นแหละพระองค์ทรงบังเกิดพวกเขาและลิขิตของพระเจ้าทรงกำหนดไว้สมบูรณ์แล้ว แน่นอนข้าจะให้นรกนั้นเต็มไปด้วยพวกญินและมนุษย์ทั้งหมด |
120. |
และทั้งหมดนี้เราได้บอกเล่าแก่เจ้า จากเรื่องราวของบรรดาร่อซู้ลเพื่อทำให้จิตใจของเจ้าหนักแน่น และได้มายังเจ้าแล้วใน (เรื่องราวเหล่า)นี้ซึ่งความจริงและข้อตักเตือน และข้อรำลึกสำหรับผู้ศรัทธาทั้งหลาย |
121. |
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดแก่บรรดาผู้ไม่ศรัทธาว่า พวกท่านจงกระทำตามแนวทางพวกท่านแท้จริงเราก็กระทำเช่นกัน |
122. |
และพวกท่านจงคอยดูเถิด แท้จริงเราก็เป็นผู้คอยดู |
123. |
และกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์คือสิ่งพันญาณวิสัยแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและยังพระองค์การงานทั้งมวลจะถูกนำกลับไปดังนั้นเจ้าจงเคารพอิบาดะฮ์พระองค์และจงมอบหมายต่อพระองค์และพระเจ้าของเจ้าจะไม่เป็นผู้ทรงเผลอในสิ่งที่พวกท่านกระทำ |